สวัสดีจ้าวันนี้ เรื่องเล่าชาวสยาม จะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก เราจึงนำมาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย
หากกล่าวถึง หลวงปู่สอ ขันติโก วัดโพธิ์ศรี ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านโดยทั่วไป มีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตา อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง เป็นศิษย์สืบสายธรรม หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พระเกจิ อาจารย์ชื่อดังแห่งลุ่มน้ำสองฝั่งโขงไทย-ลาว พระเกจิผู้นำในการสร้างพระธาตุท่าอุเทน และพระธาตุบัวบก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
ท่านมีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันจันทร์ ปีมะเส็ง พ.ศ.2448 ตามคำบอกเล่าของผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ ระบุว่า ท่านเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นชาวบ้าน บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ครอบครัวมีพี่น้องร่วมกัน 6 คน
เมื่อแรกเกิด แม่ของท่านบอกว่าบุตรชายมีสายรกพันคอ จะได้บวช ส่วนชีวิตในวัยเด็ก เป็นคนที่เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดกับเด็กอื่นวัยเดียวกัน มีโอกาสเข้ากราบนมัสการหลวงปู่สีทัตถ์ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงขอติดตามไปยัง ภูเขาควายฝั่งลาวและได้บวชเป็นสามเณร คอยรับใช้อุปัฏฐากเล่าเรียนสรรพวิชาต่างๆ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังบวชแล้วอยู่รับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่สีทัตถ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขา ถ้ำภูผาต่างๆ จนได้ทราบข่าวอาการ ป่วยของมารดา ในขณะนั้นหลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงลาสิกขาออกมาดูแลจนถึงวาระสุดท้าย
ในเวลาต่อมา จึงขอเข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้งเคร่งครัดในธรรมวินัย วัตรปฏิบัติดี ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขาในเขตพื้นที่ภาคอีสานครั้งนั้นข้ามไปยังฝั่งลาว บ้านบุ่ง อยู่จำพรรษา พัฒนาวัดบ้านบุ่งอยู่หลายปี ก่อนออกเดินทางไปพบหลวงปู่สีทัตถ์อีกครั้ง จนกระทั่งมรณภาพ หลังจากนั้นกลับมาที่ฝั่งไทย จำพรรษา ที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช ในขณะนั้น ยังมีครูบาอาจารย์ที่เป็นทั้งสหธรรมิกและศิษย์ผู้พี่หลายท่าน อาทิ หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว ศิษย์ผู้ใหญ่ในหลวงปู่สีทัตถ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นศิษย์ผู้พี่ของท่าน, หลวงปู่คาร คันธิโย, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม ขอศึกษากับท่านอยู่เป็นระยะ
น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ : เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้
หลวงปู่สอเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน ที่ยังดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย แม้อายุจะล่วงมาถึง 114 ปี แต่สายตายัง มองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำว้าวันละ 1 ลูก เหงือก-ฟันยังแข็งแรง อยู่ครบเต็มปาก เคล็ดลับที่ท่านมีอายุยืนยาว หลวงปู่สอ เคยบอกเล่าให้ฟังว่า ใช้วิชาปั่นธาตุ ซึ่งหมายถึงการนั่งภาวนาจิตสลับธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ในร่างกาย เชื่อว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บในตัวได้
หลวงปู่สอ ขันติโก ท่านได้ละสังขารแล้วด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 18.12 น. วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2562 ณ วัดป่าโพธิ์ศรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ขอน้อมกราบถวายด้วยความอาลัย น้อมส่งหลวงปู่สู่แดนนิพพาน
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาของตำนาน หลวงปู่สอ ขันติโก บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล