สวัสดีครับวันนี้ เรื่องเล่าชาวสยาม ขอนำทุกท่านมาศึกษาเรื่องเล่าตำนานหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ผู้สำเร็จวิชาลบผง 12 นักษัตร เรามาติดตามกันได้เลย
หากกล่าวถึง หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ท่านเป็นพระเถราจารย์เชื้อสายรามัญแห่งจังหวัดปทุมธานี เป็นศิษย์ของพระเกจิอาจารย์หลายรูปอาทิเช่น เจ้าคุณรามัญ วัดบางหลวง หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า พระอาจารย์เปิง เเต่ที่ท่านให้ความเคารพ สูงสุดคือ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เเละเชื่อกันว่าท่านได้วิชามาจากหลวงพ่อจงหลายอย่าง ในครั้งสงครามอินโดจีน
หลวงปู่เริ่มออกธุดงค์แสวงหาความสงบตามป่าเขา ท่านเคยธุดงค์ไปทางภาคเหนือและฝากตัวเป็นศิษย์ “หลวงพ่อโพธิ์” วัดวังหมาเน่า จ.พิจิตร พระเกจิชาวมอญ ผู้เป็นพระอาจารย์รูปหนึ่งของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จึงนับเป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงพ่อเงิน
ครั้งหนึ่งท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน ทั้งเสื้อยันต์ ประเจียด ตะกรุด จนมีอภินิหารเลื่องลือ มีผู้นับถือมาก โดยหลวงปู่สร้างพระเครื่องและได้เขียนผงอิทธิเจ และผงปถมัง หลวงปู่ยังได้เก็บสะสมผงอื่นๆ จากพระอาจารย์ดังๆ รวมทั้งว่านหลายชนิด พร้อมกันนี้ก็ได้นำเศษพระชำรุดจากพระผงสมเด็จกรุวัดใหม่อมตรส วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร ผงวัดระฆังฯ ผงจากหลวงปู่หิน หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ ผงจากวัดสามปลื้ม ผงจากวัดสุทัศน์ฯ พระสมเด็จยุคต้นๆ ของท่านหลวงปู่เทียนมักจะมีเนื้อหาที่เข้มข้น
แม้แต่ พล.ต.ต เนื่อง อาขุบุตร นักเล่นพระรุ่นเก่าที่ชอบสะสมแต่พระเบญจภาคี และพระกรุเก่าๆ ยังพูดว่าถ้าไม่มีสมเด็จวัดระฆังแล้วละก็ให้ใช้สมเด็จของหลวงปู่เทียนแทน เพราะผงวิเศษที่ท่านลบนั้นยักคิ้วได้ เวลาหลวงปู่จะทำผงวิเศษท่านจะเขียนอักขระเลขยันต์และชักยันต์เป็นรูปคนขึ้น มามีปากมีคิ้ว คำว่าผงของหลวงปู่เทียนยักคิ้วได้ เพราะผงที่ท่านกำลังเขียนอยู่นั้นเคลื่อนที่ได้นั้นเอง หลวงปู่เทียนเป็นผู้ที่มีจิตสมาธินิ่งมาก สามารถเขียนผงทะลุกระดานชนวนได้เพียงอึดใจ
มูลเหตุที่ท่านหลวงปู่เทียนสร้างพระสมเด็จก็เนื่องจากลูกศิษย์ของท่านคือขุนวิเศษภักดีได้เคยเล่าถึงกรรมวิธีในการสร้างพระสมเด็จของท่านสมเด็จโตเพราะ บิดาของท่านเคยเป็นลูกศิษย์ของสมเด็จโตและมีส่วนร่วมในการสร้างพระสมเด็จแทบทุกขั้นตอนและได้บอกว่าพระสมเด็จนั้นสำเร็จขึ้นด้วยผงวิเศษทั้ง 5 ประการ
หลวงปู่เทียนท่านจึงคิดที่จะทำขึ้นบ้างเพราะท่านก็สำเร็จวิชาลบผงวิเศษ ทั้ง 5 ประการและผง 12 นักษัตร( ผงนี้ทำได้ยากยิ่งเป็นผงที่ลบจากยันต์ ๑๒ นักษัตร ทั้ง ๑๒ ปี จึงเข้าได้กับผู้อาราธนาทุกปีเกิด เมื่อดวงตกก็หนุนไม่ให้ตกต่ำ เวลารุ่งโรจน์ก็ช่วยให้เจริญยิ่งขึ้นไป มีกินมีใช้ไม่ขัดสน วิชานี้ปัจจุบันได้สาปสูญไปสิ้นแล้ว ศิษย์ที่ไปขอเรียนวิชานี้กับหลวงปู่ สามารถเรียนได้สำเร็จแค่ 2 รูป คือหลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเชอ และหลวงพ่อละมูล วัดเสด็จ
ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ : ในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตนแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุด
แต่หลวงปู่เทียนได้ดัดแปลงโดยการใช้พระกรุเก่าที่ชำรุดแตกหักแทนปูนเปลือก หอยเพราะสมัยก่อนมีพระกรุที่ชำรุดแตกหักตามวัดร้างจำนวนมากและช่วงสงคราม ทางการได้ให้ทางวัดเปิดกรุนำพระเครื่องมาแจกบรรดาลูกหลานที่ต้องถูกเกณฑ์ไป เป็นทหารซึ่งในกาลนั้นมีพระชำรุดจำนวนมากที่ถูกทิ้งอยู่ตามวัดท่านจึงให้ลูก ศิยษ์นำมาสร้างเป็นองค์พระขึ้นใหม่จะได้กุศลแรง
ดังนั้นพระเครื่องยุคแรกของท่านจึงมีเนื้อหาที่เข้มข้นคล้ายขนมตุบตั๊บเช่น พิมพ์ก้างปลาหลังประทุน พิมพ์อกวี พิมพ์วัดเกศ การปลุกเสกของท่านก็ไม่ธรรมดาครับต้องดุฤกษ์ยามก่อนและเตรียมพิธีปลุกเสกไม่ แตกต่างจากการสร้างพระกริ่งของสังฆราชแพเลยเพียงแต่ทำแบบวัดบ้านนอกไม่มี โต๊ะตั้งเตียงวางกันในถาดที่พื้นลานวัดปลุกเสกแบบโบราณที่เรียก“พิธีโพธิกาศ” เข้มขลังเป็นที่สุด
ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิคณาจารย์ไม่กี่รูปของไทย ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าถวาย “พระสมเด็จเนื้อผงและเหรียญรูปเหมือนเนื้อทองคำ หมายเลข 9 และ 99” แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระตำหนักจิตรลดา
หลวงปู่เทียน ท่านได้ละสังขารอย่างสงบเมื่อปี พ.ศ.2509 สิริอายุ 90 ปี พรรษา 70
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาของตำนานหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล