หากกล่าวถึง หลวงปู่ภู วัดอินทร์ เมื่อท่านมาอยู่วัดอินทรวิหารตอนแรกนั้นไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส เพราะหลวงปู่ใหญ่ พระพี่ชายร่วมสายโลหิตของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ท่านจึงอยู่ในฐานะลูกวัด ท่านได้เดินลงไปทำวัตรเช้าและเย็นอยู่สม่ำเสมอเพราะเปนกิจวัตรของสงฆ์พึงกระทำ ทว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่ง ท่านจำชื่อไม่ได้แล้ว เป็นพระรูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ พระองค์นี้ไม่ค่อยพอใจการปกครองอย่างเข้มงวดกวดขันของหลวงปู่ใหญ่เจ้าอาวาส จึงมาออกตัวกับหลวงปู่ภูซึ่งเป็นพระน้องชายเจ้าอาวาสว่า
![](https://kidnan.com/wp-content/uploads/2019/09/1473861981.jpg)
“แน่แค่ไหนกันเชียว อย่าถือว่าเป็นน้องชายเจ้าอาวาสนะ กูไม่กลัวหรอก วัดมีหลายพันวัด กูไปอยู่ที่ไหนก็ได้” พูดจบก็เอาข้อศอกกระทุ้งพุงหลวงปู่ภูอย่างแรงเป็นเชิงท้าทาย แต่หลวงปู่ภูถือหลักขันติมิได้โต้ตอบ แต่พระองค์นั้นก็ยังคงจาบจ้วงด้วยวจีกรรมและกิริยามากขึ้นทุกวัน ให้หลวงปู่ภูเป็นที่อับอายของพระด้วยกันเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่ภูได้เล่าให้คุณตาทองดำฟังว่า
“กูอดทนมาจนในที่สุดกูก็ทนไม่ไหว เพราะมันด่าว่ากูเสียๆหายๆกูจึงตั้งใจว่าจะสอนให้มันได้รู้จักว่าการเที่ยวได้ระรานคนอื่นนั้นได้ผลอย่างไร เช้าวันนั้นกูเดินเข้าทำวัตร พอจะเข้าประตูโบสถ์กูก็พบพระองค์นั้นอีก คราวนี้มันทำท่าจะเข้ามาทำร้ายกู กูจึงว่าคาถาธนูมือแล้วเอากำปั้นดันท้องมันเบา ๆ เอ็งเอ๋ย มันทำตาเหลือกลิ้นจุกปากเหมือนถูกกระทุ้งด้วยซุงทั้งต้น มันหงายแผ่ลงไปนอนตีแปลงเอามือกุมท้อง ขี้มันทะลักออกมาเต็มสบงส่งกลิ่นเหม็นหึ่งไปหมด กูเดินเข้าโบสถ์ไปทำวัตรปล่อยให้พระเณรพวกมันหามมันไปพยาบาล กูกลับไปปลงอาบัติกับหลวงพี่ของกู ว่ากูทำไปเพราะโทสะที่มันเหยียบย่ำกูซ้ำแล้วซ้ำอีก หลวงพี่เตือนกูว่า ต่อไปอย่าลุแก่โทสะอีก”
ผจญคุณไสย์คนนอกศาสนา
เช้าวันนั้นอากาศสดชื่น หลวงปู่ภูกำลังกวาดลานวัดอย่างเพลิดเพลิน โดยมีคุณตาทองดำเปนศิษย์คอยเก็บขยะที่หลวงปู่กวาดมากองรวมไว้ไปทิ้ง ทันใดนั้นหลวงปู่ก็หยุดกวาด ยืนนิ่งไม่ไหวติงกาย คุณตาทองดำเห็นผิดสังเกตจึงเดินเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันถึงหลวงปู่ก็ตวัดด้ามไม้กวาดยาวที่ท่านถืออยู่ขึ้น เหมือนรับการตีของอะไรสักอย่าง “เพี๊ยะ!” เสียงวัตถุอะไรอย่างหนึ่งวิ่งด้วยกำลังแรงกระทบกับด้ามไม้กวาดจนมือหลวงปู่สั่นด้วยความรุนแรงของการกระแทก คุณตาทองดำจึงสาวเท้าเร็วขึ้นเพื่อจะเข้าไปดูหลวงปู่ แต่หลวงปู่กลับโบกมือไล่ให้ถอยออกไป จึงได้ถอยออกไปตามที่หลวงปู่ต้องการ
![](https://kidnan.com/wp-content/uploads/2019/09/DSCN0520.jpg)
ไม่นานนักหลวงปู่ก็ตวัดไม้กวาดรับสิ่งที่มองไม่เห็นอีก คราวนี้ดังเพี๊ยะ! แล้วก็มีเสียงดังตูม! ที่ชานกุฏิหลวงปู่ด้านบน หลวงปู่ภูกวักมือเรียกคุณตาทองดำเข้าไปหาแล้วบอกว่า “เฮ้ย เป็นลาภปากของพวกมึง มีคนส่งเนื้อวัวอย่างดีมาให้พวกมึงกินกัน มึงเดินตามกูมา กูจะเอาเนื้อให้พวกมึงกิน”ขึ้นไปบนชานกุฏิด้านบน ก็เห็นเนื้อวัวสด ๆ ก้อนขนาดประมาณ ๑๐ ก.ก. กองอยู่บนพื้นกระดาน เสียงหลวงปู่ภูร้องว่า “อย่าเพิ่งไปแตะต้อง รอให้กูจัดการกำจัดของไม่ดีออกไปก่อนแล้วมึงค่อยเอาไปกินกัน”
กล่าวจบก็เดินเข้าไปในกุฏิ กลับออกมาพร้อมด้วยขันน้ำมนต์ หลวงปู่เอามาพรมลงไปบนก้อนเนื้อจนชุ่ม ปรากฏว่ามีควันขาว ๆ ลอยขึ้นมานั้นสักครู่ก็ค่อย ๆ จางหายไป หลวงปู่บอกว่า “กินไม่ได้แล้วโว๊ย มันใส่ยาสั่งเข้าไปด้วย เอ็งหาอะไรมาคีบก้อนเนื้อไปฝังทีโว๊ย”
ในอีกสองวันต่อมา ก็มีหมอผีนอกศาสนามาจากชานเมือง พร้อมของถวาย มาถึงก็มากราบหลวงปู่ภูแล้วถวายของที่นำมา หลวงปู่ก็รับไว้ ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวกับหลวงปู่ภูว่า “ฉันนับถือจึงมาหา ท่านเก่งมาก วิชาของท่านแน่มาก ฉันปล่อยคุณมา ๒ หน ท่านแก้ได้หมด ไม่เคยมีใครแก้ของของฉันได้เลย ฉันนับถือมากจึงมาขอดูหน้า” หลวงปู่ภูท่านก็หัวเราะแล้วสัพยอกชายคนนั้นอย่างเอ็นดูว่า “เป็นคนนอกศาสนา เอาของมาถวายพระสงฆ์ในศาสนาพุทธไม่บาปหรือ” นายคนนั้นบอกว่าไม่บาปเพราะเป็นการนับถือตัวบุคคลที่ทำความดี ไม่ใช่นับถือศาสนาที่แตกต่างออกไปจากศาสนาของเขา และเขายอมรับว่าเขาคือหมอผีผู้มีอาคมกล้าแห่งมีนบุรี
คัดลอกเรื่องราวจากการรวบรวมของคุณเฉลียว จันทรทรัพย์