สวัสดีจ้าวันนี้ เรื่องเล่าชาวสยาม จะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องเล่าผู้สักยันต์ลิงลม มาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย
หากกล่าวถึง ยันต์ลิงลม ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเจ้าลิงตัวน้อยตาโตแสนจะขี้อายนั่นหรอก หากแต่หมายถึงวิชาไสยศาสตร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้คาถาหัวใจลิงลมปลุกตัวเองขึ้นมา หรือให้ครูบาอาจารย์ที่ชำนาญในคาถานี้ ทำการสักอักขระหรือรูปลิงลมแล้วปลุกเสกให้
วิชาประเภทนี้ต้องหมั่นปลุกตัวเองอยู่เสมอ หาไม่แล้วเวลาฉุกเฉินขึ้นมา มักถูกเขาเหยียบอานเพราะของดันไม่ขึ้น ทีตอนไม่ต้องการให้ขึ้นกลับขึ้นได้ขึ้นดี อาตมาเองอยากรู้อยากเห็นมากว่า เวลาของขึ้นแล้วมันจะแน่จริงซักแค่ไหนนิสัยเชื่อยากแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก กว่าจะยอมเชื่ออะไรซักทีต้องลองแล้วลองอีก ถ้าไปเจอที่เขาดีจริงก็เสมอตัว ถ้าเจอพวกดีแต่คุยโม้ เราไม่ติดคุกก็ได้ศัตรูเพิ่มขึ้น การทดลองบางทีก็เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง พลาดพลั้งขึ้นมาถึงกับตายไม่ดีเอาเช่นหลวงพ่อบอกว่าข้าวตอกพระร่วงมีอานุภาพป้องกันงูได้ อาตมาเชื่อน่ะเชื่ออยู่ แต่ก็ขอลองให้หายคันหัวใจหน่อย ลองเอางูเขียวหางไหม้ตัวเบ้อเริ่ม ปรากฎว่ามันไม่กัดจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมางูอะไรเจออาตมาเป็นเผ่นกระเจิง เพราะถูกไล่จับเล่นเป็นของสนุกไปเลย…
เมื่อขึ้นเปลี่ยนกำลังพลที่ฐานหน้าตาพระยา ผบ.ร้อยสั่งทหารทุกนายว่า “อย่ารับของกินของใช้ทุกอย่างจากชาวบ้านที่นี่ พวกนี้เล่นไสยศาสตร์กันทุกบ้าน…!!” อาตมารับทราบแต่ไม่รับปฏิบัติ ก็มันไม่เชื่อนี่ครับ ด้วยบารมีหลวงพ่อคุ้มหัว ทำให้อาตมารอดจากพิษ ยาสั่ง และอาถรรพ์มืด ที่หมอผีพวกนี้ตั้งใจจัดการกับอาตมา เหตุเพราะนำกำลังพลไปปิดตลาดมืด ทำให้พวกเขาหมดทางทำกิน จึงมีอาการโกรธเคืองที่ต้องชำระกัน และทหารโดนเวทย์มนต์ลี้ลับเล่นงานไปหลายคน
เมื่อเข้าเวรดึกอาตมาและเพื่อน ๆ ได้ยินเสียงหวืดหวือเหมือนกับมีตัวแมลงขนาดใหญ่ บินฉวัดเฉวียนไปมารอบฐาน พอมองไปยังต้นเสียง ทั้งที่มืดสนิทก็ยังมองเห็นวัวขี้ผึ้งตัวเล็ก ๆ ควบตะบึงอยู่บนอากาศอย่างคึกคะนอง…! อาตมาพกธงมหาพิชัยสงครามของหลวงพ่อ จึงไม่ได้หวั่นเกรงเจ้าวัวอาคมแม้แต่น้อย เพียงแต่บอกเพื่อน ๆ ว่า “อย่าทัก” เจ้าวัวร้ายก็หมดช่องทางทำอันตราย ต้องย้อนกลับไปหาเจ้าของในที่สุด
อีกคราวหนึ่งทหารยามของร้อย ร.๙๑๐๒ เข้าเวรดึกเช่นกัน เห็นนกประหลาดตัว มหึมาบินพึ่บพั่บมาจับยอดไม้ข้างฐาน ด้วยความกลัวสุดขีดเลยซัดด้วยกล ๙๓ เป็นชุด เจ้านกยักษ์ตกพลั่กลงมา ผบ.ร้อยและเพื่อนทหารที่ตกใจตื่น แห่กันไปดูแล้วก็พบกับสิ่งสยองขวัญ เป็นร่างของชายฉกรรจ์ที่มีร่างกายท่อนบนกำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ อย่างกับนักมวยปล้ำ ท่อนล่างตั้งแต่หัวเข่าลงไป ถูกมัดติดกันจนเล็กลีบนิดเดียว หน้าตาเหี้ยมแสยะอย่างกับยักษ์มาร แขนสองข้างคล้องกระด้งที่ใช้เป็นปี ”กระหัง”
จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ : จิตที่คุ้มครองแล้ว นำสุขมาให้
แม่นแล้ว กระหังที่เขาเล่าลือกันนั่นแหละ เห็นแล้วต้องยอมเชื่อว่ามันบินด้วยกระด้งได้จริง ๆ ก็แขนมันแข็งแกร่งออกปานนั้น คว้าคอใครเข้า คงหักทันที ร่างกายมันไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย แต่โดนแรงปะทะของหัวตะกั่วกระแทกจนกระดูกป่นไปทั้งตัว…
จบภาร ๔ กิจจากแนวหน้ากลับมาพักผ่อนยังที่ตั้งปกติที่ส่วนหลัง เนื่องจากการรบติดพันทำให้ทหารเกณฑ์ผลัดที่ ๒ ปี ๒๕๒๒ ค้างปลดเป็นเวลาสามเดือน อาตมาที่เข้าเวรอยู่จึงผ่อนผันให้พวกเขาหาความสำราญกันได้ อย่าให้มีเรื่องเดือดร้อนก็แล้วกัน อาตมานั่งคิดเบี้ยเลี้ยง ขณะที่ทหารตั้งวงชนแก้วกัน กำลังลงบัญชีเพลิน ๆ เสียงตึงตังโครมคราม และเสียงเอะอะโวยวายไม่ได้ศัพท์ อาตมาพรวดเข้าไปจะห้ามทัพเพราะคิดว่ามีการเมาแล้วตีกัน กลับเห็นพวกเขาล้อมวงดูอะไรบางอย่างที่กลางวงนั่นเอง
พลทหารสมศักดิ์ หกคะเมนตีลังกาอย่างคล่องแคล่ว บางทีก็หงายหลังเอาหัวชนส้นเท้า แต่มันกลับเดินได้ ปากก็ร้องว่า “อาจารย์…อย่าทำผม…อย่าทำผม” ถามดูจึงรู้ว่าเขาสักลิงลม และฝืนคำครูกินเหล้าเหลือเดนคนอื่น เลยถูกครูเล่นงาน วิธีแก้ง่ายมาก แค่ตบบ้องหูผัวะเดียวก็หายแล้ว พรรคพวกมันมัวแต่กลัวกันอยู่ ส่วนอาตมานั้นอยากลองดูกับของอย่างนี้มานาน
แล้ว เลยโดดเข้าล็อคคอ แบกเจ้าตัวดีลอยขึ้นมาทั้งตัว คิดว่าขาพ้นพื้นจะใช้แรงไม่ได้ มันกลับดิ้นตูมเดียวกระเด็นไปคนละทิศละทาง ฮ่า แบบนี้ก็มันสิขอรับ ตามปล้ำตามฟัดกันแทบกองร้อยถล่ม พวกทหารเห็นดังนั้นก็เอาด้วย ช่วยกันจับช่วยกันคว้า แต่พ่อเจ้าประคุณเอาแรงบ้ามาจากไหนไม่รู้ เหวี่ยงเอาออกหัวออกก้อยไปตาม ๆ กัน พลทหารถวิลโมโหเข้าเอาน้ำสาดโครม ลิงลมหายจ้อยเลย
รุ่งขึ้นอาตมาระบมอย่างกับชกมวยไทยมาห้ายก แต่เจ้าตัวแสบไม่เป็นอะไรเลย บอกแค่ว่า “เมื่อคืนผมคงเมามาก หลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวเลย…”เออ ฝากไว้ก่อนเถอะน่าของขึ้นอีกเมื่อไหร่เจอกัน…อูย…ระบมทั้งตัวเลยเรา
เครื่องรางของขลังทุกชนิดเป็นที่พึ่งชั่วคราวเท่านั้น ที่พึ่งแท้จริงของเราคือ ทาน ศีล ภาวนา เร่งใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความทุกข์ ความตั้งอยู่ไม่ได้ของร่างกายนี้ ถอนความพอใจในมันเสีย ตั้งใจไปนิพพานกันดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก watthakhanun / พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาของตำนานผู้สักยันต์ลิงลม บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล