หากกล่าวถึง หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่คนสมุทรสาครโดยกำเนิด แต่ท่านก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของชาวเลเลือดสมุทรสาครเพราะคนในแถบนั้น ท่านก็ได้มีความเมตรตาช่วยเหลือมาตลอด และเป็นที่เคารพนับถือของลูกศิษย์ลูกหาเป็นที่รักใคร่ ท่านยังเป็นอาจารย์ของตี๋ใหญ่ จอมโจรในอดีตที่ใครหลายๆคนพอได้ยินชื่อกันมาบ้าง ท่านยังเป็นเจ้าของยันต์ตะกร้อและเสือเผ่นที่ทำให้อยู่ยงคงกระพันในสมัยนั้นโด่งดังมาก
ด้านวิชาศึกษาด้านวิชาอาคม หลวงปู่เม้า วัดกลางพนมไพร (พระที่บวชให้ท่านในสมัยตอนเป็นเณร) หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม (เป็นพระที่หลวงพ่อสุดนับถือมาก) และอื่นๆอีกหลายท่านในสมัยหลวงพ่อสุดนั้นยังมีสังขารอยู่นั้น ท่านได้มีร่วมกิจนิมนต์ ในหลายพิธีไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งหรือมากกว่าเช่นการปลุกเสกพระพุทธ 25 ศตรรษ
ยันต์ตระกร้อ นั้นเป็นยันต์ที่หลวงพ่อได้ปลุกเสกขึ้นมา โดยที่ตอนหลวงพ่อได้เริ่มปลุกเสกนั้นท่านได้ลงคาถาอาคมมากมายและยังใช้ภาษา เขมร ขอม และลาว ผสมกันในบทสวดที่ท่านได้สวดมีใจความว่า จะกระสุนก็ดี จะไฟก็ดี ก็ไม่สามารถจะทำอะไรเนื้อหนัง และกระดูกได้เรื่องราวของหลวงพ่อสุดยังไม่สุดเพียงเท่านี้เกี่ยวกับพลังอำนาจจิตที่อยู่ในรูปการณ์สักยันต์ตะกร้อและเสือเผ่นนั้น
“ตี๋ใหญ่” ขุนโจรดังที่เขาลือกันให้ทั่วว่าหนังเหนียวคงกระพันและยังแคล้วคลาดอยู่ตลอด ตี๋ใหญ่ยังได้ไปมาหาสู่หลวงพ่ออยู่บ่อยๆ “ตี๋ใหญ่”จึงมีของดีคือผ้ายันต์กับตะกรุดของหวงพ่อสุดไว้ติดตัวและป้องกันตัว ขนาดถูกตำรวจเป็นร้อยนายล้อมจับก็ยังไม่สามารถที่จะจับตี๋ใหญ่ได้และก็ยังหนีเอาตัวรอดได้ จนใครๆลือกันว่าตี๋ใหญ่มีวิชาล่องหนหายตัวได้
ยังมีเรื่องเล่าต่อกันว่า ตี๋ใหญ่ สิ้นชื่อคืนวันนั้นก่อนที่จะหนีไปหลบซ่อนตัว ตี๋ใหญ่ ได้ให้ลูกน้องขับรถพามาหาหลวงพ่อสุดที่ วัดกาหลง แต่มาถึงวัดแล้วตี๋ใหญ่ไม่พบหลวงพ่อจึงขอตัวกลับออกมา ระหว่างที่รถได้วิ่งออกมาก็โดนเจ้าหน้าที่ถล่มจากด้านข้างทั้งสองข้างทาง นับไม่ถ้วนว่ามีกี่นัดเมื่อดวงขาดมันก็ต้องมีอันเป็นไป และเหตุที่ตี๋ใหญ่ได้กลับมาหาหลวงพ่อสุดนั้นเป็นเพราะว่า พระและตะกรุดของตี๋ใญ่หายไปก็เลยจะมาขอจากหลวงพ่อใหม่ ตี๋ใหญ่จึงมาพบจุดจบในวันนั้น หลายคนกล่าวว่าถ้าผ้ายันต์กับตะกรุดยังอยู่ตี๋ใหญ่คงอาจจะยังไม่ที่ หรือจะรอดก็ได้แต่อย่างไรตี๋ใหญ่ก็ก่อกรรมทำเข็ญไว้ไม่มากก็น้อยและพลังอำนาจจิตหรืออิทธิฤทธิ์ใดๆก็มาอยู่ “เหนือกรรม” ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงท่ามการสาปแช่งของผู้คนนับร้อยคน และใครจะรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่หลวงพ่อได้กำหนดให้เป็นไปด้วยหรือไม่
หลวงพ่อสุด ท่านได้มรณภาพเมือวันที่ 14 สิงหาคม 2526 รวมอายุได้ 81ปี “ก่อนวันประชุมเพลิงท่าน คณะกรรมการ ได้เตรียมงานแต่เนิ่นๆ โดยได้เคลื่อนสรีระร่างของท่านมา หลวงพ่อคล้ายคนนอนหลับ ร่างท่านมีแต่หนังหุ้มกระดูกไม่มีแม้แต่กลิ่นเหม็นเน่า จีวรเก่าแต่ก็ไม่เปียกคราบน้ำเหลืองใดๆเลย หลังการเผาร่างท่านมีเจ้าหน้าที่เปิดดูก็เห็นภาพว่าท่านยังเป็นโครงกระดูกอยู่ เลยตะโกนบอกว่า “หลวงปู่ไม่ไหม้” ชาวบ้านจึงวิ่งไปดูชาวบ้านก็ยังไม่กลับ เขาจะรอดูที่ว่ากันว่าหลวงปู่จะเผาไม่ไหม้จะเป็นจริงหรือ เขาเลยอยากพิสูจน์ แล้วก็เป็นจริงหนังท่านไหม้แต่กระดูกท่านยังไม่หลุด”
สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาชาวบ้านละแวกวัดกาหลงและประชาชนที่ได้ไปร่วมงานศพท่านมั่นใจและสนใจว่าเป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อสุดเพราะท่าน สำเร็จวิชาอยู่ยงคงกระพันชาตรีศาสตร์ลี้ลับที่ทำให้สังขารของท่านไม่อาจเผาให้ไหม้หมดอย่างคนธรรมดาทั่วไปได้ปัจจุบันทางวัดกาหลง จ.สมุทรสาคร ได้นำร่างที่เป็นโครงกระดูกของหลวงพ่อสุดได้บรรจุไว้ในโลงแก้วตั้งให้ประชาชนที่แวะไปได้กราบนมัสการอยู่ที่ชั้นสองของศาลาการเปรียญภายในวัดซึ่งทุกวันจะมีประชาชนและลูกศิษย์ลูกหาที่เลื่อมใสแวะเวียนไปกราบสรีระร่างของ่ทานแบบไม่ขาดสาย
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล