สวัสดีครับวันนี้ เรื่องเล่าชาวสยาม ขอนำทุกท่านมาศึกษาเรื่องเล่าตำนานหลวงพ่อแล วัดพระทรง พระเกจิอาจารย์ผู้เป็นตำนานของยันต์หนุมานอันลือลั่นเมืองเพชรบุรี เรามาติดตามกันได้เลย
หากกล่าวถึง หลวงพ่อแล วัดพระทรง ท่านเป็นพระผู้ปฎิบัติผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนชื่นชอบในไสยเวทวิทยาคม ทั้งวิชา สักยันต์ โหราศาสตร์ เสริมดวงชะตา วิชาทำตะกรุด ท่านมีความเชี่ยวชาญในฐานะพระอาจารย์สักยันต์ โดยเฉพาะ “ยันต์หนุมาน” เป็นที่กล่าวขานถึงประสบการณ์ต่างๆมากมาย มีลูกศิษย์ ทั้งทหาร ตำรวจ ดารา คนดัง ในสมัยก่อน
ชื่อเสียงของท่านเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปมานานนับสิบปี เมื่อท่านได้ลงมือสักยันต์ต่างๆ ทั้ง หนุมาน ลิงลม พญาหงส์ และลงนะหน้าทอง ให้แก่บรรดาลูกศิษย์แล้วบังเกิดอภินิหารทั้งในทาง เมตตามหานิยม โดยเฉพาะทาง อยู่ยงคงกระพัน จนเป็นที่ร่ำลือไกลจนกระทั่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องมาขอร้องให้หลวงพ่อเลิกสักยันต์เนื่องจากมีลูกศิษย์บางคน ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น แต่ด้วยความเมตตาประกอบกับคำสั่งขององค์อาจารย์ ทำให้ หลวงพ่อแล ไม่อาจเลิกสักยันต์ด้วยตัวเองได้ แต่ท่านก็เพียรพยายามเน้นย้ำสั่งสอนญาติโยมให้หมั่นทำความดีมีศีลธรรม เพื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้ปกปักรักษาคุ้มครอง ตัวตลอดไปไม่เสื่อมคลาย
ท่านเคยจำพรรษาอยู่ที่ วัดหนองไม้เหลือง ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่วัดพระทรง เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ ท่านมีคณาจารย์ที่ได้ศึกษาเรียนวิทยาคมไสยเวทต่างถึง ๑๕ ท่าน เฉพาะในเพชรบุรีเพียงจังหวัดเดียวถึง ๖ ท่าน
๑. จากหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง อ.เมือง เรียนวิชาถอนแมลงสัตว์กัดต่อยต่างๆ
๒. หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง อ.ท่ายาง ร่ำเรียนวิชาสักยันต์ครู ซึ่งเป็นยันต์สูงสุดของการสัก เป็นยันต์แรกที่เรียกว่า “หัวใจพระราม” มีหน้าที่ควบคุมยันต์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นลิงลม, หนุมาน, พญาหงส์เงิน-หงส์ทอง
๓. หลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุวรวิหาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ วิชานี้เชื่อกันว่าทำให้หลวงพ่อแลได้สัมผัสที่ ๖ สามารถทราบเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าได้
๔. ศึกษาวิชาพระขรรค์ จากหลวงพ่อโสก วัดปากคลอง อ.บ้านแหลม
๕. วิชาตะกรุดโทน ตะกรุดแฝด จากหลวงพ่อผัน วัดมหาธาตุวรวิหาร
๖.ได้เรียนสักตัวมหาเมฆจากคุณพ่อต่อ และคุณพ่อจันทร์ ศิษย์พระครูสันต์ แห่งวัดเขาวัง จ.เพชรบุรี พระเถราจารย์สมัยรัชกาลที่ ๕ สำหรับการสักตัวมหาเมฆนี้ในประเทศไทยมีหลวงพ่อแลเพียงรูปเดียวที่สามารถสักได้
ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ผลักดันชีวิตของท่านให้ต้องเปลี่ยนไป เมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่ วัดมหาธาตุ ได้เกิดเหตุร้ายแรงกับครอบครัวและญาติโยมของท่าน เมื่อมีโจรเข้าปล้นเงินทองทำร้ายโยมมารดาและพี่น้องทุกคนเสียชีวิต (โยมบิดาเป็นอัมพาตและได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว) ท่านต้องนำเงินจากการขายทองคำหนัก ๖ บาท ที่พวกโจรรีบร้อนทำตกไว้ เพื่อนำไปจัดงานศพครอบครัว
จากเหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้ท่านตัดสินใจออกเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า เพื่อปฏิบัติธรรมและแสวงหาความรู้มาช่วยคนรุ่นหลังที่ต้องถูกทำร้ายโดยไม่มีทางสู้ โดยออกเดินทางจาก จ.เพชรบุรี มุ่งสู่ จ.นครปฐม เรียนวิชาต่างๆจากเกจิอาจารย์อีกหลายท่านคือวิชากะลาตาเดียว ราหูอมจันทร์ และวิชาเสริมดวงกับ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง วิชาลงนะหน้าทองกับ หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม วิชาผงยาจินดามณี ที่ทำมาจากเบี้ยแก้กับ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
จากนั้นจึงเดินทางสู่ จ.สมุทรสาคร เรียนวิชาชูชกกับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน เรียนวิชาตะกรุดไม้ไผ่จากหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ก่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี เรียนวิชาเบี้ยแก้กับหลวงปู่รอด วัดนายโรง ตลิ่งชัน แล้วมุ่งไปเมืองอยุธยาเรียนวิชาตะกรุดพวงและยันต์หัวใจปลาตะเพียนมหาลาภ จากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
ก่อนเดินทางขึ้นเหนือถึง จ.นครสวรรค์ เรียนวิชาศาสตรามีดหมอจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และสุดท้ายย้อนมาทางภาคตะวันออก ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ เรียนวิชาคุณปลัดขิก หลวงพ่อแลละสังขารอย่างสงบเมื่อ วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๑ รวมสิริอายุ ๙๒ ปี พรรษา ๕๔