หากเอ่ยถึง “นางรำหน้าขาว” สมัยก่อนที่ผู้หญิงจะเข้าถวายตัวต่อพระมหากษัตริย์จะต้องทาหน้าขาวก็เพราะว่าคนสมัยก่อนมีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เปรียบดั่งองค์สมมติเทพ ซึ่งก็คือพระนารายณ์ที่อวตารลงมาบนโลกมนุษย์ ดังนั้นเหล่าสตรีที่จะมาเป็นมเหสี สนม หรือนางใน จึงเปรียบเสมือนนางฟ้าเทพธิดาต่างๆ บนสรวงสวรรค์ตามลงมาคอนปรนนิบัติรับใช้ ซึ่งเหล่านางฟ้าเทพธิดาก็ได้รับการพรรณาว่ามีผิวขาวนวล คิ้วโก่งดั่งคันศร ผมสีดำขลับ ปากแดงดั่งสีชาด ตามความเชื่อจากคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วงที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจะเห็นได้จากภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดวาอารามต่างๆ เหล่านางฟ้าจะมีหน้าตาแนวเดียวกันหมดนั่นเอง
อนึ่งนางรำหลวง ก็ถือเป็นหญิงสาวชาววัง การแสดงรำต่อหน้าพระพักตร์พระมหากษัตริย์ จึงต้องทาหน้าขาวให้งดงามราวนางฟ้านางสวรรค์ส่วน”การแต่งหน้า” ของนางรำสมัยก่อนนั้น จะแต่งหน้าโดยใช้น้ำมันมะพร้าวชะโลมทาให้ทั่วใบหน้าทับด้วยแป้งฝุ่นจีนที่เป็นก้อน ขูดให้เป็นผงแล้วนำมาผสมกับน้ำสะอาดเกลี่ยทาให้ทั่ว ทาปากและทาแก้มด้วยชาดสีแดง และเขียนคิ้วด้วยมะพร้าวห้าวที่ฝนปลายแหลมเผาไฟจนดำ ก็จะมีใบหน้าที่สวยผ่อง
น อุชุภูตา วิตถํ ภณนฺติ : คนตรง ไม่พูดคลาดความจริง
ดังนั้นสตรีใดได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าให้ถวายตัวเป็นบาทบริจาแก่พระมหากษัตริย์แล้ว ตามโบราณราชประเพณีจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมเครื่องแต่งตัวเครื่องประดับและที่สำคัญคือเครื่องแต่งหน้าให้ประหนึ่งว่าเป็นดั่งนางฟ้าเทพธิดา นอกจากนี้การทาตัวด้วยสีขาวนั้นก็เพื่อจะได้มองเห็นรูปร่างและใบหน้าได้ชัดๆ
เพราะสมัยก่อนมีแต่เทียนไข ต่อให้จุดเป็นร้อยเล่มยังไงก็ไม่สว่างแบบแสงไฟปัจจุบันแต่ถ้าสมัยนี้ใครเกิดมาทาตัวขาวแบบนี้ แต่งหน้าแบบนี้ เดินไปมาอยู่ใต้แสงเทียนล่ะก็คนที่เห็นอาจจะช็อกหรือไม่ก็วิ่งหนีไม่คิดชีวิต