หากกล่าวถึง หลวงพ่อหน่าย อินทสีโล เจ้าอาวาสวัดบ้านแจ้ง อ.บางปะหันจ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธามาก และยังมีชื่อเสียงในด้านการสักยันต์อีกด้วย ชาวเมืองอยุธยาที่มีการสักยันต์ในยุคนั้น จะต้องมีรอยสักของท่านเกือบทุกคน
โดยเฉพาะยันต์จิ้งจก มีทั้งสักแบบตัวเดียว สองตัว สามตัว มีทั้งแบบสักด้วยสีดำ แดง และน้ำมัน ผู้ที่สักไปแล้ว ล้วนแต่ได้รับประสบการณ์เรื่องเพศตรงกันข้ามอย่างยอดเยี่ยมยิ่ง บางคนสามารถมีแฟนได้ครั้งเดียวพร้อมกันถึง 4 – 5 คน และยังมีมาติดพันอีกหลายคนด้วยซ้ำไป จนเจ้าตัวบอกว่าไม่ไหวแล้ว หลัง จากนั้นจึงมีการพัฒนาจากการสักยันต์ มาเป็นสร้างเครื่องราง
หลังอุปสมบทพรรษาแรกท่านเริ่มออกเดินธุดงค์ไปในป่าเขาตามภาคต่างๆ ซึ่งมีสัตว์ดุร้ายที่ชุกชุม แต่ก็ไม่มีความเกรงกลัวกับสัตว์ร้ายเหล่านั้น ท่านเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งขณะที่เดินธุดงค์เข้าไปในป่าได้พบช้างยืนขวางหน้าอยู่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้มันได้ใช้งวงของมันมาเกี่ยวจีวรที่ท่านครองอยู่ไปพันกับงวงมัน ท่านจึงก้มลงแล้วหยิบดินขึ้นมาก้อนหนึ่งเสกแล้วโยนไปที่ช้าง ช้างจึงได้วางจีวรลงแล้วเดินหายเข้าไปในป่า โดยมิได้ทำร้ายท่านเลย
เมื่อท่านเดินธุดงค์อยู่ในป่าจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้กลับมายังวัดแจ้ง อยู่ได้ ๓ เดือน จึงเดินทางไปศึกษาวิทยาคมกับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ขณะที่เรียนอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้พบกับกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากับท่านบ้าง แต่ส่วนมากจะได้วิชาจาก หลวงปู่ศุข แต่ยังไม่ทันที่จะได้วิชาแขนงสุดท้าย หลวงปู่ศุขก็มรณภาพไปเสียก่อน แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี แต่หลวงพ่อหน่ายได้ฝึกฝนทบทวนสรรพวิชาต่างๆ อย่างเข้มงวด ถือว่าเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ศุขอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นท่านได้ไปศึกษาวิชาเครื่องรางของขลังและวิทยาคมกับอาจารย์ย่ามแดง ซึ่งเป็นศิษย์เอกของ หลวงปู่ศุข หลังจากเรียนวิชาจากอาจารย์ย่ามแดงจึงกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านแจ้ง ซึ่งในขณะนั้นมี พระครูอนุวัติสังฆกิจ (เคลือบ) เป็นเจ้าอาวาสท่านได้ไปจำพรรษาอยู่ในป่าช้านานถึง ๒๐ ปี โดยบอกว่าในป่าช้าเงียบและสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน
โย จ อปฺปมฺปิ สุตฺวาน ธมฺมํ กาเยน ปสฺสติ ส เว ธมฺมธโร โหติ โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชติ : ผู้ใดฟังธรรมแม้น้อย ย่อมเห็นธรรมด้วยกาย ผู้ใดไม่ประมาทธรรม ผู้นั้นแล ชื่อว่าผู้ทรงธรรม
หลวงพ่อหน่าย ช่วยพระครูสังฆกิจ (เคลือบ) พัฒนาวัดบ้านแจ้ง ด้วยการสร้างอุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญ เมื่อพระครูสังฆกิจมรณภาพ ญาติโยมจึงนิมนต์หลวงพ่อหน่ายขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบแทนตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๒ ขณะที่มีอายุได้ ๗๑ ปี โดยที่ท่านไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใดๆ ทั้งสิ้น หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ปกครองดูแลพระภิกษุสามเณร รวมทั้งเกื้อกูลต่ออุบาสก-อุบาสิกามายาวนาน เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กุลบุตรทั้งหลายได้บรรพชาอุปสมบท เป็นสามเณรและพระภิกษุเป็นจำนวนไม่น้อย
หลวงพ่อไม่เลือกชนชั้นวรรณะของศิษย์ ไม่ว่าจะยากดีมีจน เป็นเสือเป็นตำรวจเป็นทหาร เป็นนักเลงหัวไม้ ในยุคปี ๒๕๐๐ ลงมา ไม่มีใครไม่รู้จัก ท่านสักเสกเลขยันต์เรื่องเหนียวไม่เป็นรองใคร และที่สำคัญท่านได้รับนิมนต์ไปปลุกเสก พระ ๒๕ ศตวรรษ และที่สำคัญท่านจารแผ่นชนวนขณะนั่งปรก ผลคือเมื่อเอาแผ่นที่หลวงปู่ท่านจารไปลงเตาหลอม หลอมอย่างไร แผนชนวนของหลวงปู่ก็ไม่หลอมละลาย เค้าว่าลอยอยู่บนเตาหลอมที่เดือดๆเลย จนคนที่มีหน้าที่หลอม ต้องมาบอกกับศิษย์ที่ไปกับหลวงปู่ท่านว่า แผ่นจารชนวนของหลวงปู่ท่านหลอมไม่ละลาย เลยกับไปเอามาให้หลวงปู่ท่าน พอท่านเป่าทีเดียวกลับไปหลอมละลายได้ปกติ ผมพอทราบมา หลวงปู่หน่ายท่านยังได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกพระสมเด็จวัดระฆัง รุ่ น๑๐๐ปี ตอนปี ๒๕๑๕
จากวัตรปฏิบัติและเมตตาธรรมที่หลวงพ่อหน่ายได้ให้แก่ลูกศิษย์และญาติโยมทั้งหลายมายาวนาน ทำให้ท่านเป็นที่เคารพนับถือ ประกอบกับเมื่อท่านได้สร้างวัตถุมงคลและมีผู้นำไปบูชาแล้วเกิดผลเป็นสุข ความเจริญ หรือแคล้วคลาดจากภัยพิบัติต่างๆ จึงทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อหน่ายอยู่ในทำเนียบของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งของเมืองไทย ตลอดชีวิตของหลวงพ่อหน่าย ท่านได้นำวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือชาวบ้านและลูกศิษย์อย่างต่อเนื่อง ท่านเป็นสงฆ์ที่รักสันโดษ ครองบรรพชิตอย่างเรียบง่าย และไม่เคยโอ้อวดตน ในกาลเวลาต่อมาท่านละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันอังคารที่ ๑๐ พ.ค. ๒๕๓๑ รวมอายุ ๘๖ ปี พรรษา ๗๔
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล