หลวงปู่วัน จันทวํโส ท่านเป็นพระอริยะที่มีแต่ความสงบร่มเย็นในจิตใจท่านไม่เป็นผู้ที่โอ้อวดว่ามีวิชาอาคมขลังท่านจะไม่แสดงออก นอกจากว่าจะมีลูกหลานหรือญาติโยมผู้มาขอความช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วยและเดือดร้อนท่านก็ทำให้หายได้ แต่เดิมท่าน ชื่อนายวัน ทาประจิตร เกิดเมื่อประมาณปีพ.ศ.๒๔๗๐ หลังจากเรียนนักธรรมจบจึงได้ออกเดินทางศึกษาต่อโดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ด้วยความตั้งใจใฝ่ศึกษาหาความรู้ของสามเณรวัน หลวงปู่ชาจึงได้ถ่ายทอดวิชาเมตตาและค้าขายให้ หลังจากอยู่ศึกษากับหลวงปู่ชาได้ ๑ ปี จึงได้อำลาหลวงปู่ชาเพื่อไปศึกษาหาความรู้ที่ใหม่อีก

กาลต่อมาได้มาพบกับอาจารย์กระมัลซึ่งท่านจึงถ่ายทอดวิชาปราบเสือให่แก่สามเณรวัน พอเรียนจบ สามเณรวันจึงขอกราบลาเพื่อออกเดินธุดงค์ในป่าเพื่อแสวงหาความรู้และศึกษาพระธรรมวินัยจากธรรมชาติ ท่านได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขาจนได้มาพบกับอาจารย์น้อยวัดถ้ำผาเสด็จจึงได้ขอศึกษาเล่าเรียน ด้วยความตั้งใจใฝ่รู้ของสามเณรวันอาจารย์น้อยจึงได้ถ่ายทอดวิชา คงกระพันเพื่อใช้ป้องกันตัวให้แก่สามเณรวัน หลังศึกษาวิชาจบแล้วจึงได้กราบลาเพื่อออกเดินธุดงค์ต่อไปโดยเดินธุดงค์ตามป่าเขาเขตแนวชายแดนกัมพูชา
ระหว่างนั้นเดินธุดงค์ถึงน้ำตกแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนกัมพูชา สามเณรวันได้พบกับชีผ้าขาวท่านหนึ่งจึงได้ขอเรียนวิชากับชีผ้าขาวท่านนั้น ได้ศึกษาวิชากับอยู่ ๓ เดือนก็สำเร็จ จึงได้เดินธุดงค์ต่อเข้าไปที่ประเทศกัมพูชาและได้ศึกษาวิชาอาคมกับเกจิอาจารย์ที่กัมพูชาอีกหลายองค์

เมื่อสำเร็จวิชาจากอาจารย์ทางฝั่งกัมพูชา ท่านจึงเดินธุดงค์ต่อไปทางฝั่งประเทศลาวใกล้กับช่องเม็กจึงได้พบกับนายพลลาวผู้มีวิชาอาคมท่านหนึ่งได้สนทนากับนายพลลาว จนนายพลลาวเลื่อมใสในกิจวัตรและความใฝ่ศึกษาเรียนรู้ นายพลลาวจึงสอนวิชาปราบผีให้สามเณรวันศึกษาไม่นานก็สำเร็จ หลังจากนั้นอายุท่านครบเกณฑ์ทหาร จึงลาสิกขาเพื่อรับการเป็นทหาร ขณะที่เป็นทหารท่านได้รับคำสั่งจากกองร้อยให้ไปปราบคอมมิวนิสต์ที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ช่วงนั้นท่านก็ได้ทำตะกรุดแจกเพื่อนทหารที่ไปด้วยกันและในขณะที่กำลังหุงหาอาหารในกองร้อยก็เกิดมีลูกปืนใหญ่ถูกยิงมาตกจุดที่หุงหาอาหารพอดี แต่ลูกปืนใหญ่ไม่แตกและไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น จนพลทหารวันได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขั้นเป็นสิบตรี ท่านได้ใช้ชีวิตเป็นทหารและเป็นพลเรือนอยู่ระยะหนึ่ง
ต่อมาเมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๓ ท่านจึงได้ลาครอบครัวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งตามความมุ่งหวังตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร ท่านได้บวชที่วัดบ้านนานวลและมาจำพรรษาที่วัดบ้านน้ำเกลี้ยง จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากจำพรรษาได้ระยะหนึ่งท่านก็เกิดร้อนอยากออกเดินธุดงค์ ท่านจึงได้พบกับหลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน ท่านจึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่สรวงได้ถ่ายทอดวิชาให้จนสำเร็จ หลวงปู่สรวงจึงได้ปรารภกับหลวงปู่วันว่า “เอ็งจงกลับไปแล้วไปรักษาคนป่วย ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์เพราะแต่ก่อนเอ็งเคยเป็นเทวดาให้กลับไปนะ”

หลังจากนั้นหลวงปู่วันจึงได้กลับไปเมืองขุนหาญมาจำพรรษาที่วัดบ้านหนองจิก ตำบลภูฝ้าย อำเภอขุนหาญก่อนในครั้งแรก ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองจิกท่านเห็นว่าบ้านโนนไทยเจริญห่างออกไปประมาณ ๒ ก.ม. ยังไม่มีวัดท่านจึงได้รวบรวมปัจจัยซื้อที่ดินสร้างวัดใหม่ที่บ้านโนนไทยเจริญ(ชื่อวัดภูไทยสามัคคี) ตำบลภูฝ้าย อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ท่านจึงได้มาจำพรรษาที่วัดภูไทยสามัคคี ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นวัดโนนไทยเจริญจนปัจจุบัน
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล