“บวชจิต” หลวงปู่ดู่แนะเคล็ดการบวชในใจสำหรับผู้ไม่พร้อมอยู่วัด อยู่ไหนก็บวชได้

หากเอ่ยถึงการ “บวช” มาจากภาษาบาลี ปพฺพชฺชา” ซึ่งหมายถึงบรรพชา มีรากศัพท์มาจาก ป (ปะ) แปลว่า ทั่ว และ วช (วะชะ) แปลว่า เว้น มาเป็นคำว่า “บรรพชา” แล้วกลายมาเป็นคำว่า “บวช” ในที่สุด คำว่า “ปพฺพชฺชา” หรือ “บรรพชา” แปลว่า เว้นทั่ว หมายถึง การงดเว้นจากความชั่วทั้งปวง หรือ หมายถึง ออกไป คือ ออกไปจากธุระการงานทุกประเภทของคฤหัสถ์ ผู้ที่ถือบวชในพุทธศาสนา จะได้นามว่า พระบ้าง ภิกษุบ้าง บรรพชิตบ้าง

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ในที่นี้เราพูดถึงการ บวชจิต หรือการ บวชใน ซึ่งเป็นสูตรของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ จัดได้ว่ามีอานิสงส์สูงเป็นเนกขัมมบารมีขั้นอุกฤษฏ์ ท่านเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การบวชทั้งในและนอกมันลำบากในยุคนี้เราบวชใน คนไม่รู้ แต่ผีรู้ เทวดารู้ การบวชในเป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง เวลาทำบุญให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ จะได้ชิน ถ้าทำบ่อย ๆ จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

ท่านเคยปรารภไว้ว่า จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติ มีศีล รักในการปฏิบัติ
จิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด ย่อมมีโอกาสเป็นพระกันได้ทุกๆ คน มีโอกาสที่จะบรรลุมรรค ผล นิพพานได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะแต่อย่างใด ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรคในความสำเร็จได้ นอกจากใจของผู้ปฏิบัติเอง

แกนึกถึงข้า ข้าก็นึกถึงเอง ..กายทิพย์ของเรานั้นหากก่อนภาวนาเราได้ตั้งจิตบวชพระแล้ว ระหว่างที่ภาวนาอยู่กายทิพย์เราก็เป็นพระมีรัศมีกายทิพย์สว่างมาก อย่างนี้จะมีอานิสงส์พลังบุญสูงมาก ภาวนาได้ง่าย เนื่องจากตั้งจิตไว้ในศีลและฐานะอันสูง อย่างนี้เรียกว่าบวชจิต ซึ่งการบวชจิตด้วยใจกุศลศรัทธานั้น มีอานิสงค์ดีกว่าผู้ที่บวชรูปลักษ์ภายนอกแล้วไม่บวชจิตเสียอีก แต่หากบวชได้ทั้งนอกและในอานิสงค์ก็ทวีคูณ แต่สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนนั้นเวลาสวดมนต์หรือภาวนาทำสมาธิ ตั้งจิตบวชเป็นพระแล้วอานิสงค์มากภาวนาได้ง่าย

นาญฺญตฺร โพชฺฌาตปสา นาญฺญตฺร อินฺทฺริยสํวรา นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณินํ ซ เรา ( ตถาคต ) ไม่เห็นความสวัสดีของสัตว์ทั้งหลาย นอกจาก ปัญญา ความเพียร ความระวังตัว และการสละสิ่งทั้งปวง.

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

เวลาทำความดีอะไรก็ตามให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ มันจะปรับออกมาข้างนอกเอง เป็นการบวชจากข้างในไปหาข้างนอก คือ ด้วยรูปลักษณ์ในการบวชที่เป็นพระนั้น พอเราบวชแล้ว เราจะไม่กล้าทำอะไรที่ไม่ดี เวลาเราแผ่บุญออกไป พลังงานก็ผ่านเราออกไปได้มากกว่า พลังงานนี้จะผ่านพระได้มากกว่าฆราวาสนะ ลองคิดดูสิ เราเป็นพระนะ (บวชใน) แค่เรานึกนี่ก็เป็นแล้ว ทำไม่เกินสามปีจะรู้สึกว่าเราเป็นพระ เรื่องอะไรที่ไม่ดี เราจะไม่พูด ไม่ทำ แม้แต่ในฝันยังเป็นพระเลย

บวชจิตแล้วต้องสึกไหม ไม่ต้อง มันไม่เกี่ยวกัน เรื่องโลกกับเรื่องธรรมเป็นคนละเรื่อง เวลาอยู่ทางโลกก็อยู่ไป เมื่อไรอยู่ทางธรรมเราก็บวชใน ตื่นขึ้นมาก็ให้ทำ แล้วกราบพระ ๖ ครั้ง แล้วทำวัตรสั้น ๆ อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่องค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบัน เวลากินข้าว อาบน้ำ เวลาว่าง เวลานอน ให้สวด ให้ภาวนา จนกว่าจะหลับ สามปีจะรู้สึกว่า ข้างนอกจะเปลี่ยน ทรงอารมณ์แบบนี้มีอานิสงส์มหาศาล เป็นบุญทุกลมหายใจเข้าออก

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

หลวงปู่ดู่บอกเคล็ดในการบวชจิตไว้ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น คำกล่าวว่า

  • พุทธัง สรณัง คัจฉามิ : ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัชฌาย์ของเรา
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ : ให้นึกว่าเรามีพระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ : ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์

แล้วอย่าสนใจขันธ์ ๕ หรือร่างกายเรานี้ ให้สำรวมจิตให้ดี มีความยินดีในการบวช ชายก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุ หญิงก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุณี อย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมาก จัดเป็นเนกขัมมบารมีขั้นอุกฤษฏ์ทีเดียว”

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า