หากกล่าวถึง เจ้าพ่อพะวอ เป็นมงคลสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากคำบอกเล่าของคนในท้องถิ่นท่านเป็นนักรบชาวกะเหรี่ยงปะกากะญอ ท่านมีบุคลิกภาพแสดงถึงเอกลักษณ์ของนักรบโบราณ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ถือง้าวเป็นอาวุธ ใบหน้าเครียดขึงขังดุดัน แต่แววตาแฝงด้วยความเมตตาปรานี มีศักดิ์ฐานะเป็นนายด่านแม่ละเมา เมืองหน้าด่านของไทยในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คอยดูแลรักษาหาข่าวแจ้งเหตุ เมื่อมีเหตุหรือข้าศึกศัตรูรุกล้ำแดนมา
ลุถึงปลายเดือนสิบเอ็ด ปีมะแมสัปตศก พุทธศักราช ๒๓๑๘ (๓๑ ตุลาคม) อะแซหวุ่นกี้ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าอังวะ ได้เคลื่อนทัพมายังไทยโดยจัดเป็นทัพใหญ่ทัพเดียว มีมังแยยางูผู้น้อง กับ กละโบ่ ปันยีแยช่องจ่อ ปันยีจวง ถือพลสองหมื่นห้าคุมทัพหน้า ตะแดงมอระหน่อง และเจ้าเมืองตองอูเป็นทัพกลาง อะแซหวุ่นกี้เป็นโบชุกแม่ทัพหลวง ถือพลหมื่นห้าพันคนรั้งท้าย สรรพด้วยช้างม้าเครื่องสรรพวุธพร้อมเสร็จ เคลื่อนทัพจากเมืองเมาะตะมะข้ามแม่น้ำต่องยินแล้วหยุดทัพไว้ที่นั่น
อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ สมุฏฐาเปติ อตฺตานํ อณํ อคฺคึว สนฺธมํ : ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย เหมือนคนก่อไฟน้อยขึ้นฉะนั้น
และในครานั้นเองกองทัพอันเกรียงไกรของพม่า เคลื่อนทัพมาถึงด่านแม่ละเมาในเพลานั้น เจ้าพ่อพะวอตัดสินใจนำกำลังที่มีอยู่เข้าปะทะอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เป็นการประวิงเวลา รอกำลังส่วนหนึ่งจากเมืองตากที่ท่านเจ้าพ่อพะวอเข้าใจว่าจะมาช่วยเหลือทัน นายด่านพะวอและทหารกล้าทั้งหลาย ได้เข้าต่อสู้กับพม่าด้วยน้ำใจที่ห้าวหาญ และแล้วน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟฉันใด ท่านรู้ดีว่ากำลังของพม่านั้นเหลือคนานับ ท่านรู้ได้ดีว่ากำลังส่วนหนึ่งที่เข้าใจว่าจะมาช่วย คงช่วยไม่ทันศึกครานี้เป็นแน่ จักต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีของคนไทย ขอถวายชีวิตเป็นชาติพลี จักได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ลูกหลานสืบไป ณ ยุทธภูมิด่านแม่ละเมา เชิงเขาผาวอแห่งนี้
คำบูชาเจ้าพ่อพะวอ (ตั้งนะโม ๓ จบ)
- เจ้าพ่อพะวอ มหาวีโร ชะยะตุภะวัง
- มหิทธิกา จะ มหา เทวานัง
- สัพพะทุกขะ สะเมตารัง สันติทัง
- สุขะทัง สะทาติ สัพพะศัตรู วินาสสันติ
เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน