ในหนังสือพระประวัติพระเกียรติคุณพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ มีอยู่ตอนหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า เมื่อผู้คนพากันรู้ว่าเสด็จในกรมฯ ทรงรักษาโรคให้หายขาดได้ ต่างก็ร่ำลือกันไปทั้งเมือง
พระองค์ไม่ทรงให้ใครเรียกพระองค์ว่า “เสด็จในกรมฯ” หรือยกย่องว่าเป็นเจ้านาย แต่ทรงเรียกพระองค์เองว่า “หมอพร”
หากใครไม่สบายก็ไปหาหมอพร พระองค์ต้อนรับผู้ไปรักษาด้วยไมตรีจิตและไม่ทรงคิดค่ารักษาแต่ประการใด คนไข้บางรายเชิญพระองค์ไปตามบ้าน เพื่อรักษาไข้ เจ้าของไข้จะต้องหารถราให้พระองค์เสด็จไป และนําเสด็จกลับ ซึ่งโดยมากเป็นรถม้าเท่านั้น ในสมัยนั้นพวกทหารเรือส่วนมากมักจะให้ พระองค์ทรงรักษาให้ ด้วยพระเมตตาของพระองค์นี้เอง จึงทําให้สภาพวังของพระองค์ท่านกลายเป็นโรงพยาบาลเล็กๆที่ต้อนรับคนไข้นานาชนิดอย่างแน่นขนัด คนไข้จะพากันกราบกรานแทบพระบาท และขอให้หมอพร ช่วยชุบชีวิตให้ ซึ่งพระองค์ก็ทรงรักษาให้จนหายโดยทั่วกัน
กิตติศัพท์ของพระองค์ก่อให้เกิดความนิยมในพระองค์ยิ่งขึ้นเป็นลําดับ จนกระทั่งไปถึงพระกรรณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ซึ่งทําให้ทรงพิศวงมิใช่น้อย เหมือนกับว่าพระเชษฐาของพระองค์เป็นผู้ที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ทั้งๆที่ยังหนุ่มแน่น ทหารก็รักใคร่และเรียกเป็น “เจ้าพ่อ” เดี่ยวนี้ ประชาชนทั้งเมืองยังเลื่องลือกันว่าเป็นผู้วิเศษอีกด้วย ได้มีการเล่าสืบปากต่อคํากันมาว่า พระองค์ท่านทรงมีอภินิหารถึงกับชุบชีวิตคนที่กําลังใกล้จะตาย ให้ฟื้นขึ้นมาได้
มีครอบครัวจีนในสําเพ็งรายหนึ่ง สามีคือพ่อบ้านซึ่งกําลังเจ็บหนัก ดูเหมือนจะเป็นวัณโรค ซึ่งเรียกกันในสมัยนั้นว่าฝีในท้อง และใกล้จะตายอยู่แล้ว บุตรภรรยาได้นําไปหาหมอมามากมาย แม้ว่าจะเป็นหมอ น้ำมนต์ที่ไปเสาะแสวงหาตามวัดวาอาราม มาอาบมารดกันแล้ว ก็ไม่มีทางจะกระเตื้องขึ้นเลย อาการมีแต่ทรงกับทรุดครั้นบ่ายวันหนึ่ง “เจ้าพ่อ” ซึ่งปลอมพระองค์เป็น “หมอพร” เดินถือล่วมยา นุ่งผ้าม่วงไว้หนวดไว้เครา เสด็จเข้าไปในสําเพ็ง เด็กเล็กเดินหนีกันเกรียวกราว รู้ไปถึงหูภรรยาของคนเจ็บ เมื่อรู้ว่าหมอพรก็วิ่งกระหึดกระหอบเข้าไปกราบที่พระบาท ร้องไห้ ร้องห่ม ขอให้ไปช่วยชีวิตสามีสักครั้ง จะเสียเงินเสียทองเท่าไรก็ยอม หมอพรจึ่งเดินตามอาซิ้มเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ และไปพินิจพิเคราะห์ตัวเถ้าแก่ใหญ่ที่กําลังหายใจครอกๆอยู่
หลังจากพิจารณาด้วยความถี่ถ้วนแล้วก็ทําพิธีเป่ามนต์และท่องบ่นคาถาอยู่พักหนึ่ง แล้วได้ อัญเชิญคุณพระมาทําน้ำมนต์และรดคนไข้ พร้อมกับมอบหมายยาไทยขนานหนึ่งไว้ให้แล้ว หมอพรก็อําลาไป ต่อมาชั่วเวลาไม่นานนักพระองค์ท่านก็เสด็จไปฟังผล ปรากฏว่า อาการของคนไข้กระเตื้องขึ้นอย่างทันตาเห็น เถ้าแก่ที่มีเงินทองมากมายได้ ลุกขึ้นกราบพระบาทประหลกๆ เรียกเมียให้เอาเงินมาลังหนึ่ง เพื่อจะมอบให้พระองค์ท่านเป็นค่ารักษา แทนที่เจ้าพ่อหรือหมอพรจะรับไว้ กลับโบกพระหัตถ์ว่า พระองค์ไม่ใช่หมอประเภทเห็นแก่เงิน ขอให้คนไข้นําเงินนั้นไปทําสาธารณประโยชน์อย่างอื่นต่อไป ดูเหมือนว่าเศรษฐีจีนคนนั้นได้มอบเงินจํานวนนั้นไปใช้ในการสร้างศาลาการเปรียญที่วัดแห่งหนึ่ง
ข้อมูลจากหนังสือพระประวัติและพระเกียรติคุณเพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เรียบเรียงโดย นันทวัน เพ็ชรวัฒนา และ สมเกียรติ ศรีวิลัย หน้าที่ ๓๘-๔๐ เอื้อเฟื้อข้อมูลโดยเพจ คนรักเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ