สวัสดีจ้าวันนี้ เรื่องเล่าชาวสยาม จะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องเล่า หลวงพ่อประเทือง อติกกันโต มาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย
หากกล่าวถึง หลวงพ่อประเทือง อติกกันโต ท่านเป็นชาวจ.ลพบุรี เกิดเมื่อวันที่ ๒ ธ.ค. ๒๔๗๑ เมื่อท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหนองแขม ต.ทุ่งทะเล ท่านได้ศึกษาวิธีปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานและวิชาต่างๆ จากพระอาจารย์อ่อนที่วัดหนองแขมซึ่งเป็นอาแท้ๆ และเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในด้านการวิปัสนากรรมฐาน จึงสามารถถ่ายทอดวิชาดีๆ ให้กับท่านจนหมดสิ้น และเพื่อทดสอบวิชาที่ได้ถ่ายทอดมา พระอาจารย์อ่อนจึงได้ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวให้เตรียมข้าวของสำหรับการเดินธุดงค์ซึ่งมีข้าวตากแห้งเป็นอาหารในการเดินป่า

ครั้นเมื่อออกพรรษาก็มุ่งหน้าเดินทางด้วยเท้าเพื่อไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี การเดินทางต้องขึ้นเขาลงห้วย ครั้นถึงเวลาปักกลด หลวงอาก็ปักให้เสร็จ แล้วท่านก็เดินไปปักกลดอีกที่หนึ่ง พร้อมกับสั่งว่าห้ามออกไปไหนต้องอดทนจนกว่าจะรุ่งเช้า ครั้นเมื่อฟ้าสางหลวงอาก็พาออกบิณฑบาต แต่ไม่มีบ้านคนสักหลัง หลวงอาได้พาท่านเดินไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และให้เอาบาตรวางใต้ต้นไม้ พร้อมกับเปิดฝาบาตรทิ้งไว้สักครู่ แล้วก็ปิดฝาบาตรนำกลับมาที่กลด เอาน้ำใส่บาตรแล้วดื่ม ซึ่งท่านไม่เข้าใจ แต่ก็ทำตามและฉันข้าวตากแห้งปฏิบัติเช่นนี้เสมอมา
เมื่อบิดามารดา ทราบข่าวว่าท่านมีความยากลำบาก จึงเกิดความสงสาร และอยากให้สึกออกมาช่วยงานที่บ้าน แต่หลวงอาก็มาพูดเกลี้ยกล่อมจนท่านใจอ่อนและยอมออกเดินธุดงค์ต่อไป ในการเดินทางท่านก็ได้สอนวิชาอาคมต่างๆ เช่น วิชาหุงสีผึ้ง วิชานะหน้าทอง ฯลฯ บางครั้งท่านก็จดเอาไว้ และปรนนิบัติดูแลเรื่อยมาและศึกษาหาความรู้ไปด้วยเป็นเวลา ๑ พรรษา ต่อมาหลวงอาได้พาไปฝากเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ แต่ไม่ทราบว่าได้รับการถ่ายทอดวิชาอะไรบ้าง จนกระทั่งอายุได้ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทที่วัดช่องแค ในปี พ.ศ. ๒๔๙๑ โดยมีท่านพระครูทอง วิสาโร เจ้าคณะอำเภอตาคลี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แบ๊ง วัดช่องแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาตี่ วัดเขาวงศ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ซึ่งวัดช่องแคในขณะนั้นมีหลวงพ่อพรหม ถาวโร เป็นเจ้าอาวาส
พระอาจารย์อ่อน นับว่าเป็นพระที่เชียวชาญเวทวิทยาคมมากทีเดียว และที่สำคัญยังมีความคุ้นเคยกับ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ยอดเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ได้เดินทางไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเดิมอยู่เป็นประจำ เมื่อกลับมาจากธุดงค์แล้ว หลวงอาอ่อนได้นำสามเณรประเทือง เดินทางไปวัดหนองโพธิ์ ฝากฝังไว้เป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ต้มน้ำร้อนน้ำชาอยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อ เดิมตลอดเวลา หลวงพ่อเดิมเรียกท่านว่า “เณรจ้อน” เพราะท่านตัวเล็กกว่าสามเณรในวัดรุ่นเดียวกันทั้งหมดทั้งยังเมตตาแนะนำสั่ง สอนวิชาอาคมต่างๆให้เสมอ วิชาอาคมที่หลวงพ่อเดิมสั่งสอนนั้นไม่ว่าวิชาอะไรก็ตามจะเข้มขลังได้ต้องอาศัย พลังจิตเป็นกำลังสำคัญ หากเราฝึกจิตสมบูรณ์แล้วก็สามารถปลุกเสกอะไรให้เกิดพลังเข้มขลังได้
นาญฺญตฺร โพชฺฌาตปสา นาญฺญตฺร อินฺทฺริยสํวรา นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณินํ : เรา ( ตถาคต ) ไม่เห็นความสวัสดีของสัตว์ทั้งหลาย นอกจาก ปัญญา ความเพียร ความระวังตัว และการสละสิ่งทั้งปวง

หลวงพ่อประเทืองอยู่ได้เพียง ๑ พรรษา ก็ต้องลาสิกขาบทเพราะถูกเกณฑ์เข้ารับราชการเป็นทหารอากาศประจำการที่ จ.ลพบุรี ท่านอยู่รับใช้ชาติถึง๒ ปีเศษ มาเป็นสารวัตรทหารและรับราชการที่กรมชลประทาน จนเกิดความคิดว่าชีวิตทางโลกไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการ จึงลาออกจากราชการในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ และหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ณ วัดโนนทอง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ได้รับฉายาว่า “อติกฺกนฺโต” แล้วอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเล็ก วัดโพธิ์ทอง ศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ยได้ตระเวณออกธุดงค์ จนไปพบกับอาจารย์เชื้อสายเขมร ชื่อว่า อาจารย์ บุญลือ ซึ่งเป็นฆราวาสและได้ถ่ายทอดวิชาแก่ท่านจนหมดสิ้น และหนึ่งในวิชาที่ขึ้นชื่อของท่านคือการสักยันต์ ซึ่งท่านจะเสกเป่าพระคาถา แล้วใช้มีดสับลงบนหลังเพื่อทดสอบความขลัง อันเป็นที่มาของเจ้าตำรับ “เสกแล้วสับ”
เริ่มพัฒนาสร้างสำนักสงฆ์ และโรงเรียน หลวงพ่อประเทืองได้เดินธุดงค์อยู่หลายสิบปีอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ด้วยเหตุดลใจในนิมิตในขณะที่เข้า สมาธิอยู่นั้นท่านได้เห็นการรบราของผุ้คนกันสมัยก่อนซึ่งฝ่ายหนึ่งเป็นคนไทย ฝ่ายหนึ่งเป็นพม่าหรือขอม เพราะโพกผ้าไว้บนหัว จนกระทั่งกลับมายังอำเภอศรีเทพจังหวัดเพชรบูรณ์อีกครั้ง ภาพต่างๆที่เคยนิมิตรเห็นก็กลับทวี ความชัดเจนยิ่งขึ้น คือถ้าจิตเป็นสมาธิแน่วแน่เมื่อไร เป็นต้องเห็นนิมิตรอยู่บ่อยๆ จึงตัดสินใจปักหลักอยู่ที่นี่เพื่อต้องการค้นหาความจริงให้จงได้ เพราะรู้ด้วยญาณว่าดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
ใน พ.ศ.๒๕๒๐ จึงริเริ่มการพัฒนาตั้งสำนักสงฆ์ ด่านเจริญชัยขึ้นเป็นครั้งแรกบนเขารวก หนทางไปมาก็ไม่สะดวกนัก จึงย้ายลงมาอยู่ข้างล่างและที่แห่งนี้ท่านได้สร้างโรงเรียนขึ้นเพื่อสอน หนังสือเด็กๆชาวบ้านด้วยปัจจัยส่วนตัวของท่านเอง แล้วได้จ้างครูมาสอนหนังสือเด็กๆไปด้วย
โรงเรียนด่านเจริญชัย ในระยะแรกยังขาดหลังคากันแดดฝนอยู่ เงินงบประมาณที่ตั้งไว้แต่เดิมก็ไม่เพียงพอจึงได้ไปยืมเงินพี่ชายจำนวน ๔,๐๐๐ บาท มามุงหลังคา หลังจากนั้นก็หาทางปลดหนี้สิน แต่ไม่รู้จำทำอย่างไรดี ก็ประจวบเหมาะกับโยมสวย ชัยป้อม ได้นำตำรับตำราในการสร้างวัตถุมงคล ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ มาให้หลวงพ่อ จึงเกิดความคิดที่จะสร้างตะกรุดขึ้น แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอบามีธรรมครูบาอาจารย์ (หลวงพ่อเดิม) ให้ช่วย พร้อมกับเปล่งสัจวาจาว่า ..ข้าพเจ้าจะสร้างตะกรุดเพื่อประโยชน์ ในการก่อสร้างสาธารณประโยชน์และขอเก็บไว้ใช้ในคราวจำเป็นเท่านั้น

รายนามพระคณาจารย์สายวิชาที่หลวงพ่อร่ำเรียน
- ๑.พระอาจารย์อ่อน วัดหนองแขม นครสวรรค์(มีศักดิ์เป็นอา ได้ศึกษาตั้งแต่เป็นสามเณร)
๒.หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์(เมื่อครั้ง ไปอยู่ปรนนิบัติรับใช้เป็นสามเณรที่วัดหนองโพธิ์)
๓.หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์(ศึกษาอยู่ได้ 1 พรรษา ตอนบวชครั้งแรก)
๔.พระอาจารย์เล็ก วัดคลองเม่า ลพบุรี (มีศักดิ์เป็นอา)
๕.หลวงพ่อเล็ก วัดโพธิ์ทอง นครสวรรค์(เป็นศิษย์ที่สืบทอดพุทธาคมมาจาก หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย)
๖.อาจารย์บุญลือ เป็นชาวเขมร (เมื่อคราวออกธุดงค์)
หลวงพ่อประเทือง อติกกันโต หนึ่งในตำนานเกจิอาจารย์สักยันต์เจ้าตำรับ “เสกแล้วสับ” ได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๒๒ ม.ค. ๒๕๕๐ .เวลา ๑๖.๑๙ น รวมสิริอายุได้ ๗๙ ปี
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เพจเรื่องเล่าชาวสยามได้นำมาเล่าต่อของตำนาน หลวงพ่อประเทือง อติกกันโต บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล