หากเอ่ยถึง แหวนพิรอด เป็นเครื่องรางของขลังในสมัยโบราณ อันเป็นที่นิยมกันมากในหมู่ผู้ชายชาตรี คนสมัยก่อนมีเวลามีศึกสงคราม ต้องมีการต่อสู้กับข้าศึกจึงมีผู้ประดิษฐ์คิดค้นของขลังชนิดนี้ขึ้นมาโดยอาศัยว่าจะทำให้คงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้า ป้องกันตัวจากข้าศึกศัตรู
พิรอด คืออะไร จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายว่า พิรอด น. ชื่อแหวนชนิดหนึ่ง ถักด้วยผ้ายันต์หรือด้ายดิบเป็นต้น ใช้เป็นเครื่องราง พันเอกพระสารสารขันธ์ ท่านให้ความหมายแหวนพิรอดว่า “ชื่อ พิรอด มาจากภาษาสันสกฤตว่า วิรุทธ หรือ พิรุทธ แปลว่า อันขัดกันอยู่ อันได้รับการต่อต้านหรือขัดขวาง อันตรงกันข้ามเมื่อพิจารณาจากลายที่ถัก ก็ใช้ขัดกันแบบเงื่อนลูกเสือที่เรียกกันว่า เงื่อนพิรอด ก็ดูจะสมกับชื่อในภาษาสันสกฤตอยู่มาก เงื่อนพิรอดนั้นเป็นเงื่อนที่ใช้กันมาแต่โบราณนานมาก หลักฐานที่พอจะชี้ให้เห็นเป็นตัวอย่างได้ก็คือรูปสลักหินโบราณของพวกขอม จะเห็นว่าผ้าคาดเอวตรงด้านหน้าทำเป็นเชือกผูกเป็นเงื่อนพิรอดอย่างนี้เหมือนกัน เงื่อนชนิดนี้ยิ่งดึงยิ่งแน่น”
แหวนพิรอดมี 2 ชนิด คือ พิรอดนิ้วกับพิรอดแขน แหวนพิรอดแต่เดิมนั้นหาได้ไม่ยากนักมีทั่วไปตามสำนักมหาเวทย์ต่างๆ แต่ละอาจารย์ท่านก็สานออกมาให้ลูกศิษย์ลกหาประชันวิชากันอยู่บ่อยๆ แต่มาในปัจจุบันเริ่มหาผู้ถักและมีวิชาอาคมปลุกเสกเลขยันต์แหวนพิรอดไม่ค่อยจะเหลือแล้วจึงถือว่าเป็นของหายากมากๆ ยิ่งอาจารย์เก่าที่ท่านไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ถึงปัจจุบันจะมีคนถักเป็นแต่ก็ใช่จะขลังเช่นเดียวกับคนสมัยก่อน
ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา : ขันติคือความอดทน เป็นตปะอย่างยิ่ง
อุปเทห์ว่าแหวนพิรอดใช้ป้องกันตัว เป็นของขลังที่มีคุณทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี ศาตราอาวุธฟันแทงไม่เข้า สวมใส่แล้วอึดทึกอดทนมากขึ้น ป้องกันคุณผีและคุณคน ป้องกันคุณไสยศาสตร์ต่างๆ
ความเป็นมาของแหวนพิรอดนั้นยากที่จะสืบเสาะหา บางท่านกล่าวว่า อาจจะมาจากชื่อคนว่า “พิรอด” เป็นผู้สร้างขึ้นหรือ แหวนหลวงพิรอด นั่นเอง แหวนพิรอดนั้นเชื่อว่าแต่เดิมพัฒนาอาวุธคู่กายของนักมวยที่เรียกว่าสนับแขน ด้วยเหตุว่าการชกต่อยกันจะมีการต่อสู้ในระยะประชิด อาจมีการกอดปล้ำกันเมื่อใส่สนับแขนที่ทำด้วยด้ายดิบลงยางรักแล้วแข็งมีความคมทำให้เมื่อถูกโดนจะเจ็บปวดจึงทำให้ศัตรูไม่กลายกอดปล้ำ
การพิสูจน์อาคม เมื่อได้แหวนพิรอดมาแล้วจะโยนเข้ากองไฟ หากไฟไหม้แหวนพิรอดนั้นถือว่าใช้ไม่ได้ต้องทำอันใหม่ที่ไฟไม่ไหม้ และการนำไปใช้เมื่อต้องไปทำศึกสงครามให้ถือแหวนพิรอดนี้แล้วบริกรรมด้วย “มะอะอุฯ” และถ้าจะให้เป็นตบะเดชะในสงคราม ทำให้ข้าศึกครั่นคร้าม ให้บริกรรมด้วยคาถา “โอม ยาวะ พะกาสะตรีนิสิเหฯ”
เงื่อนพิรอดนั้น จัดเป็นเงื่อนสำคัญที่ใช้ในการต่อเชือกหรือการผูกโยงเพื่อความมั่นคง แน่นหนาอย่างวิชาเชือกคาดสาย หลวงปู่ขัน วัดนกกระจาบ ที่ต่อยุคมายังหลวงปู่ธูปวัดแค นางเลิ้ง กทม. ซึ่งพระเกจิอาจารย์ท่านนี้เป็นผู้ทรงคุณวิทยาสูงส่งเฉพาะด้านมหานิยมก็เข้ม ขลังขนาดอมตะดาราอย่าง คุณ มิตร ชัยบัญชา ยังนับถือเป็นลูกศิษย์ซึ่งวงการผู้นิยมเครื่องรางก็ทราบกันดี โดยเชือกคาดสายหลวงปู่ขันนั้นเวลาคาดต้องขัดเป็นเงื่อนพิรอด มีคาถากำกับว่า “พระพิรอดขอดพระพินัย” และเวลาแก้เชือกก็มีคาถาว่า “พระพินัยคลายพระพิรอด”
อันจะเห็นได้ว่าศาสตร์การใช้เงื่อนพิรอดนั้นยังสืบมาถึงเครื่องคาดอย่าง เชือกหรือการ ผูกตะกรุด พิสมรซึ่งต้องรวมถึงเครื่องรางโบราณอีกชนิดที่ปัจจุบันไม่ค่อยมีเกจิอาจารย์ สร้างก็คือ “ผ้าขอด” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องพิรอดด้วยโดยผ้าขอดนั้นจะเป็นการขัด “พิรอดเดี่ยว” เกจิอาจารย์ที่มีชื่อเรื่องผ้าขอดในยุคเก่า ๆ เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, หลวงพ่อกวย ชุตินธโร จังหวัดชัยนาท ในส่วนเครื่องรางผ้าขอดสายวัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็มีชื่อเช่นกันแต่เป็นฆราวาส ที่ชื่อว่า เฮง ไพรวัลย์ ลอยเรืออยู่ท่าน้ำวัดสะแกบางคนเรียก ว่า อาจารย์เฮงเรือลอยก็มี
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล