สวัสดีจ้าวันนี้เพจ เรื่องเล่าชาวสยาม จะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องเล่าหลวงปู่ภู วัดอินทร์ มาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย
หากกล่าวถึง หลวงปู่ภู วัดอินทร์ มีอยู่คราวหนึ่งหลวงปู่ภูได้เห็นลูกศิษย์คนหนึ่งมีอาการเศร้าโศก ด้วยไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งซี่งมีรูปงามและฐานะดี หากแต่ผู้หญิงไม่ได้รักด้วย อีกทั้งยังมีชายหนุ่มมาติดพันอยู่หลายคนด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนล้วนต่างมีฐานะดีกว่าลูกศิษย์หลวงปู่ภูทั้งนั้น ลูกศิษย์ผู้นั้นจึงมีความเศร้าโศกเสียใจ
เมื่อหลวงปู่ภูเห็นถึงอาการเศร้าสร้อยของลูกศิษย์ ก็ให้นึกสงสาร จึงสอบถามและให้ลูกศิษย์ยืนยันว่า เมื่อได้แต่งานกันแล้วจะต้องเลี้ยงดู ไม่ทิ้งขว้างและไม่นอกใจ หากสัญญาได้เช่นนี้แล้ว ท่านจะช่วยเหลือ ศิษย์ผู้นั้นได้ตกลงรับว่า จะปฏิบัติตามสัญญาที่ให้กับหลวงปู่ภูไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
เมื่อศิษย์รับปากเป็นมั่นแล้ว หลวงปู่ภูจึงให้ศิษย์ผู้นั้นไปซื้อสีผึ้งสีปากซึ่งขดขายเป็นวง ๆ มา ๑ วง เมื่อได้แล้วนำมาให้หลวงปู่ ท่านก็บอกว่า “เอ้า เอ็งสีปากเข้า สีจากซ้ายไปขวานะ” โดยยังไม่ทันถวายสีผึ้งให้กับหลวงปู่ภูเลย, ยังความงุนงงต่อศิษย์คนนั้นเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยความเกรงใจหลวงปู่ จึงมิได้เอ่ยถาม ได้แต่ปฏิบัติตามที่หลวงปู่บอก
เมื่อสีปากเสร็จแล้ว หลวงปู่ก็สั่งให้ไปที่บ้านของหญิงสาวที่หมายปอง ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๓ ทุ่มเศษ บ้านของหญิงสาวซึ่งเป็นร้านค้ายังไม่ปิด เมื่อศิษย์หลวงปู่ภูมาถึงเห็นชายคนหนึ่งนุ่งผ้าม่วง ใส่เสื้อแพรซัวตังซึ่งเป็นแพรจีนอย่างดีเป็นที่นิยมกันมากในสมัยนั้น กระดุมทอง ๕ เม็ด มีรถฟอร์ดตอนเดียวประทุนผ้าใบ จอดเทียบอยู่หน้าร้านคุยกับหญิงสาวอยู่อย่างสนิทสนม หญิงสาวกำลังจะปิดร้าน และจะขึ้นไปชั้นบนเพื่อแต่งตัวไปดูละครแม่บุญนากตามที่ได้นัดหมายกับชายนุ่งผ้าม่วงนั้นแล้ว
ด้วยความเชื่อในตัวหลวงปู่ภูอย่างมั่นคง ศิษย์คนนั้นได้เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาว แล้วกระซิบกับหญิงสาวว่า “คุณครับ ผมรักคุณ!” หญิงสาวได้ยินดังนั้น ก็กล่าวกลับไปว่า “บ้า” แล้วรีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที
เมื่อศิษย์หลวงปู่ภูเห็นหญิงสาวไม่สนใจ ก็มีความเสียใจเป็นอันมาก รีบนั่งรถเจ๊ก(รถลาก)กลับมายังวัดอินทรวิหาร เข้ามานั่งใกล้ ๆ หลวงปู่ภูด้วยอาการเศร้าสร้อย หลวงปู่เห็นศิษย์หน้าเศร้ากลับมาก็ถามว่า “ว่าไง เรียบร้อยสมหวังแล้วใช่ไหม” แลก็ด้วยความโกรธที่ไม่สมหวัง จึงได้ตอบกลับหลวงปู่ไปว่า “ครับ เรียบร้อยแล้วครับ เขาว่าผมบ้า”, หลวงปู่ภูจึงเอ็ดลูกศิษย์กลับไปว่า “อ้ายโง่ ก็เอ็งยังไม่ได้ใช้สีผึ้งที่ซื้อมาสีปากนี่ เอ็งมันดื้อรั้น โง่ที่สุด เดี๋ยวข้าก็ไม่ช่วยเสียนี่ แต่เอาเถอะเมื่อชาติปางก่อนเอ็งเคยทำบุญร่วมกันไว้ ข้าจะช่วย เอาสีผึ้งมาสีใหม่ สีจากซ้ายไปขวา อย่าให้ข้ามศูนย์ปาก”
เมื่อลูกศิษย์สีปากเสร็จแล้ว ท่านก็บอกกับลูกศิษย์ว่า เมื่อไปถึงบ้านของหญิงสาวแล้ว ให้พูดกับเขาว่า “รัก แต่ไม่มีเงินขอ มีแต่กระดูก” ไม่ให้พูดอย่างอื่น และให้จำคำพูดของท่านให้ดี อย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด แล้วจะสำเร็จตามความประสงค์
ลูกศิษย์จึงนั่งรถเจ๊กไปที่บ้านของหญิงสาวละแวกบางลำพูทันที เมื่อไปถึงบ้าน ได้เห็นหญิงสาวแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ลงบันไดลงมาจากชั้นบนถึงขั้นสุดท้ายพอดี ลูกศิษย์หลวงปู่ภูจึงกรากเข้าไปจับมือเอาดื้อ ๆ แล้วพูดตามคำหลวงปู่ว่า “รัก แต่ไม่มีเงินขอ มีแต่กระดูก”
ลูกศิษย์หลวงปู่ภูสังเกตเห็นหญิงสาวที่ตนหลงรักมีอาการหน้าแดง เม้มริมฝีปาก ก็มีความรู้สึกใจเต้น แต่แล้วก็ได้ยินเสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้ม ๆ ว่า “คุณพูดจริงหรือเล่น ?” ลูกศิษย์หลวงปู่ภูรีบตอบกลับทันทีว่า “จริง รัก แต่ไม่มีเงินขอ มีแต่กระดูก”
โดยไม่คาดคิด หญิงสาวที่ตนหลงรักได้สั่งเด็กรับใช้ให้ไปบอกแก่คุณหลวงที่หน้าร้านว่า เธอไม่ไปดูละครแล้ว ปวดศีรษะอยากนอนพักผ่อนมากกว่า, ก็แลค่ำคืนนั้น ลูกศิษย์หลวงปู่ภูกับหญิงสาวก็ได้ไปเที่ยวกัน และต่อมาก็ได้แต่งงานกัน, อย่างไรก็ตาม หลังแต่งงานแล้ว หลวงปู่ภูได้ทำไม้ครู อันเป็นเครื่องรางของขลังอันลือลั่นของหลวงปู่ให้แก่ลูกศิษย์คนนี้ โดยใช้ไม้พะยูงเป็นเปลือกนอก ต่างไปจากไม้ครูอันอื่น ๆ ที่หลวงปู่ภูได้สร้างไว้ และลูกศิษย์คนนี้ก็ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับหลวงปู่ มีความเจริญก้าวหน้าในการค้าขายจนมีฐานะดีฯ
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เพจเรื่องเล่าชาวสยามได้นำมาเล่าต่อของตำนานหลวงปู่ภู วัดอินทร์ บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล