สวัสดีจ้าวันนี้เพจ เรื่องเล่าชาวสยาม จะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องเล่าเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ มาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย
หากกล่าวถึงเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีเรื่องเล่าอยู่ตอนหนึ่งว่า การเดินสำรวจตรวจตรารอบพระอารามเป็นวัตรปฏิบัติอย่างหนึ่งที่เจ้าพระคุณ “สมเด็จพระญาณสังวรฯ” ทรงยึดถือมาโดยตลอด ด้วยเห็นว่าเป็นทั้งการออกกำลังกายและการทรงงานไปพร้อมกัน คือเป็นโอกาสที่จะได้ตรวจดูเสนาสนะสงฆ์และอาคารสถานที่เพื่อทราบความเป็นอยู่และสภาพทั่วไปของวัด สิ่งหนึ่งที่ทรงพบเห็นเป็นประจำระหว่างการตรวจตราก็คือ “สุนัข”
เป็นที่โจษจันกันทั่วไปว่า วัดบวรนิเวศวิหารเป็นวัดที่มีสุนัขมาก บ้างเป็นสุนัขที่มีเจ้าของ บ้างจรจัด บางตัวน่ารัก ขี้เล่น บางตัวเกรอะกรัง ขี้เรื้อน ครั้งใดที่พบสุนัขขี้เรื้อน พระองค์ก็มักจะตรัสถามหาเจ้าของว่าอยู่คณะใด กุฏิไหน เมื่อทรงทราบแล้วก็จะโปรดให้บอกแก่ภิกษุสามเณรในที่นั้นให้ช่วยดูแลให้ดี ทั้งยังทรงกระเซ้าว่า “คนตั้งเยอะแยะยังดูแลได้ … สุนัขตัวเดียวทำไมดูแลไม่ได้”
อยู่มาวันหนึ่ง…เป็นที่ผิดสังเกตว่า ไม่มีสุนัขอยู่เพ่นพ่านเหมือนเคย พระองค์จึงตรัสถามบรรดาศิษย์ที่ตามเสด็จว่า”สุนัขหายไปไหนกันหมด?”
- ต่างคนต่างเลิ่กลั่ก…แล้วทูลว่า “ทางวัดให้เทศบาลมาเก็บ…เอาไปเลี้ยง…”
- พระองค์จึงมีรับสั่งว่า “เออ… ก็เห็นบ้านเขาอยู่ที่นี่ จะให้เขาไปอยู่ที่ไหน … ไปเอาคืนมา!”
- เท่านั้นเอง วันรุ่งขึ้นเทศบาลจึงต้องนำสุนัขของวัดมาคืน …
- ไม่คืนเปล่าด้วยนะ … ยังแถมมาให้อีกตั้งหลายตัว
ยตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ อเสสํ อุปรุชฺฌติ วิญฺญาณสฺส นิโรเธน เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌติ : นามและรูปย่อมดับไม่เหลือในที่ใด นามและรูปนี้ย่อมดับในที่นั้น เพราะวิญญาณดับ
“เจ้าจุด” เมื่อเห็นเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ลงมาจากพระตำหนักที่ประทับก็จะกลายเป็นตำรวจนำเสด็จ เวลาเสด็จไปไหน สุนัขตัวนี้ก็จะเดินนำไปก่อนเลยและมักชอบคอยตรวจตราสถานที่ก่อนที่พระองค์จะเสด็จไปถึงที่นั้นๆ เป็นสุนัขที่มีความภักดีอย่างยิ่ง บางครั้งพระองค์เสด็จไปนอกวัดไม่รู้ว่าพระองค์ท่านเสด็จกลับมาวัดเมื่อไหร่ ต้องรอดูเจ้าจุด ถ้าเจ้าจุดไปรอที่พระประเทียบแสดงว่าใกล้เสด็จกลับละ พอเจ้าจุดเห็นพระองค์จะแสดงความดีใจอย่างออกหน้าออกตาดีใจแล้วนำเสด็จกลับมาพระตำหนักและจะคอยนั่งอยู่ใกล้ๆ พระตำหนักตลอดเวลาเมื่อเสด็จไปทรงปฏิบัติศาสนกิจ ณ พระอุโบสถ
เจ้าจุดก็รอจนพระองค์ทรงทำกิจเสร็จ ไม่ว่าดึกแค่ไหนก็จะไปส่งที่พระตำหนัก
นี่คือพระเมตตา นอกจากจะมีพระเมตตาต่อคนแล้วยังสามารถจะสื่อไปยังสัตว์ทั้งหลายด้วยแม้แต่ในช่วงที่พระองค์ประชวรต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ “เจ้าจุด” ก็จะคอยเดินวนเวียนมองหาพระองค์ที่พระตำหนักหากพระองค์กลับมาที่วัดบ้างเป็นบางครั้ง “เจ้าจุด” จะตื่นเต้นกว่าเพื่อน ไปนั่งรออยู่ก่อนละ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เจอพระองค์มาหลายเดือน
เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ ในช่วงเช้า ปกติ เจ้าจุด จะนอนบริเวณกลางถนนภายในวัดวันหนึ่งได้มีรถยนต์สีขาวคันหนึ่งวิ่งขับผ่านบริเวณที่ เจ้าจุด นอนอยู่ โดยคงคิดว่าเจ้าจุดคงจะลุกหนีทัน แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าจุดเป็นสุนัขแก่อายุเกิน ๒๐ ปีแล้ว ฟันจะเคี้ยวยังไม่ไหว แต่ฟันของ เจ้าจุด มีความพิเศษคือหมุนได้รอบทิศทางบางวันหมุนทางนั้น บางวันหมุนทางนี้ ไม่เหมือนกันสักวัน ด้วยความแก่ทำให้มีความรู้สึกช้า รถคันดังกล่าวก็ทับร่างของ “เจ้าจุด” ไปด้วยแรงและความรู้สึกที่เหลือ เจ้าจุด ก็ค่อยๆ คลานไปใต้รถยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณใกล้นั้น แล้วค่อยๆ สิ้นลมจากคนที่มันรักและซื่อสัตย์ตลอดไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ “บวรธรรมบพิตร ฉบับประมวลพระรูป”
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เพจเรื่องเล่าชาวสยามได้นำมาเล่าต่อของตำนานเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล