สวัสดีจ้าวันนี้เพจ เรื่องเล่าชาวสยาม จะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องเล่าหลวงพ่อเดิม พุทธสโร มาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย
หากกล่าวถึง หลวงพ่อเดิม พุทธสโร ในคราวแรกที่หลวงพ่อเดิมท่านได้สร้างมีดหมอขึ้นครั้งแรก น่าจะอยู่ในราว พ.ศ.๒๔๖๕ ด้วยหลวงพ่อ เดิม ท่านเลี้ยงช้างไว้ใช้งานหลายเชือกจึงได้สร้างมีดเทพศาสตราไว้ให้กับควาญช้างไว้กำกับบังคับช้างและป้องกันตัวเวลาไปชักลากไม้ในป่าเพื่อนำมาสร้างศาลา โบสถ์ มีดควาญช้างสามารถแก้อาถรรพ์ความคงกะพัน ทั้งพวกสักหมึกและกินว่านยาได้ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าแก้ครั้งเดียวแต่จะล้างอาถรรพ์ไปตลอด จึงเป็นเทพศาสตราที่ นักเลงสมัยก่อนเกรงกลัวกันมาก จึงนิยมเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “เทพศาสตราปราบชาตรี”
หลังจากนั้นหลวง พ่อเดิม ท่านเห็นว่ามีดเทพศาสตราควาญช้างนั้นมีขนาดใหญ่มีอันตรายหากตกไปอยู่กับคนไม่ดี จึงได้ลดขนาด มีดลง มาเป็นขนาดกลางและเล็กซึ่งเรียกว่าแบบปากกา พกพาสะดวก มีด้านเหน็บแบบปากกา ซึ่งกลายเป็น ของขลังไม่ใช่อาวุธ เหล็กที่ใช้ตีใบมีดเป็นเหล็กผสม หลวงพ่อมอบมงคลวัตถุอาถรรพ์ต่างๆ ไปให้ตีผสม อาทิ เหล็กน้้ำพี้ แร่ ตะปูสังขวานร อิทธิคุณ และวิธีใช้มีดหมอศาสตราหลวงพ่อเดิม
๑. ป้องกันคุณไสยเวลาติดตัวอยู่ไม่ต้องกลัวใครกระทำย่ำยีแต่อย่างใด
๒. ป้องกันตัวเองจากศัตรูหมู่มาร เป็นมหาอำนาจ เป็นเมตตา เป็นแคล้วคลาด เป็นมหาอุด
๓. ขับภูตผีปีศาจที่เข้าคนธรรมดา หรือมีผู้ปล่อยมาให้เข้าสิง
๔. อาราธนาทำน้ ามนต์แก้คุณไสย หรือแก้เสนียดจัญไรต่างๆ ตลอดจนฝันร้ายได้
๕.สามารถแก้อาถรรพ์ความคงกระพันต่างๆ แม้จะสักยันต์ใดหรือกินว่าน หรือมีของดีตามธรรมชาติ เมื่อโดน มีดหมอของหลวงพ่อจะคลายเหนียวทุกทีไปนักเลงสมัยก่อนกลัวมีดหมอของหลวงพ่อกันนัก เพราะถูกทีไรเป็น เปื่อยยุ่ยไม่คงทน
๖. ด้ามงานั้นอาราธนาฝนกับฝาละมีหม้อดิน ด้วยน้้ำล้างใบมีดจะแก้พิษสัตว์กัดต่อยได้ทาบริเวณที่ถูก สัตว์กัดต่อย
๗. ป้องกันอสรพิษ สัตว์มีพิษ ทั้งหลายเมื่อมีมีดหมอของหลวงพ่อติดตัว ตลอดจนเขี้ยวงาต่างๆ
๘. มีดหมอหลวงพ่อไม่ทำอันตรายกับผู้ที่มีมีดหมอเหมือนกันเป็นการป้องกันการที่ลูกศิษย์อาจารย์ เดียวกันทำร้ายกัน
๙. บูชาไว้กับบ้านป้องกันอัคคีภัยและโจรภัย อาราธนาแล้วมีอันตรายจะรู้ตัวก่อนทุกทีไป
๑๐. เมื่อไปต่างถิ่นหรือต่างบ้าน หรือนอนกลางดินกลางทรายในป่า ให้เอาปลายมีของหลวงพ่อกล่าว ขอขมาแม่พระธรณี แล้วขีดวางลงไปเป็นรูปเหลี่ยมหรือวงกลมรอบๆ ตัวของผู้ที่พักนอน มดและสัตว์จะไม่มา ใกล้ รวมทั้งกันภูตผีปีศาจด้วย
๑๑. เมื่อจะไปทางน้ำกลัวอันตรายจากสัตว์เช่น จระเข้ หรือสัตว์ร้ายอื่นๆ เช่น ผีพราย ปลาไหลไฟฟ้า ให้ชักมีดออกจากฝักคาบไว้ในปากเวลาข้ามน้้ำ หรือคาบทั้งฝักก็ได้ หรือเอามีดโบกน้ำนำหน้าไปจะปลอดภัย
๑๒. เมื่อฝีร้ายอาการกลัดหนอง ปวดร้าวทรมาน หรือเพิ่งเริ่มเป็นให้ใช้มีดหมอของหลวงพ่อเอาปลาย แหลมวนเบาๆ เป็นวงกลมรอบๆ หัวฝีระลึกถึงหลวงพ่อแล้วเป่าลมกำกับด้วย ถ้าเพิ่มเริ่มเป็นจะยุบหาย ถ้า เป็นมากกลัดหนองให้วนด้วยปลายมีดแล้วยกมีดหมอเหนือหัวฝีกลั้นใจทำการผ่าหัวฝีบนอากาศเหนือผิวหนัง กรีดอากาศไปมาสลับกันแล้วเป่าลมระลึกถึงหลวงพ่อฝีจะแตกภายใน ๓ วันและไม่เป็นพิษแต่อย่างไร
๑๓. เมื่อไปต่างถิ่นไปกินอาหารแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีพิษหรือไม่ให้เอาด้ามมีดหมอของหลวงพ่อจุ่มลงไป ในอาหารเสียก่อน เป็นการป้องกันถ้างามีสีดำอย่ากิน ในกรณีที่กินเข้าไปแล้วจะมีอากาแสลง ให้น ามีดหมอ ของหลวงพ่อแกว่งไปในขันน้้ำ แก้วน้ำหรือภาชนะอื่นใด ใส่น้ำดื่มกินเข้าไปจะแก้ยาเบื่อ ยาสั่งได้ ถ้าเป็นยาพิษ จะลดกำลังลงพอหาหมอแก้ไขได้ทันที
๑๔. เมื่อถูกคุณ (ลมเพลมพัด) เรียกว่า ปล่อยมาตามอากาศ ทำให้มีอาการบวมตามตัวเป็นลูกๆ เดี๋ยว บวมที่โน่น เดี๋ยวบวมที่นี่ ให้เอามีดหมดหลวงพ่ออาราธนาทำน้ำมนต์ระลึกถึงของบารมีของหลวงพ่อกินเข้าไป แล้วจึงเอามีดหมอออกจากฝักไล่ก้อนที่บวมนั้นตั้งแต่บริเวณต้นที่บวม ถ้าเป็นคุณที่ถูกปล่อยมาก้อนบวมน้้ำจะ เคลื่อนหนีปลายมีดหลวงพ่อเดิม ให้ไล่ปลายมีดไปเรื่อยๆ จะกระทั่งสุดที่ปลายมือ หรือปลายเท้าจะออกไป แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงว่าไม่ใช่คุณที่เขาปล่อยมาแน่ แต่เป็นบวมธรรมดา ไม่ช้าก็หาย ก่อนใช้มีดหมอของ หลวงพ่อควรใช้คาถาอาวุธ ๕ ประการทุกครั้งกำกับด้วย ดังนี้
“สักกัสสะวชิราวุธธัง เวสสุวัณนะสะคะธาวุธธัง อาฬาวะกะสะธุสาวุธธัง ยะมะสะ นัยนาวุธธัง นารายะสะจักกะราวุธธัง ปัญจะอาวุทธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธธานัง ภัคคะภัคขา วิจุณนัง วิจุณาโลมัง มาเมนะ พุทธะสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ”
เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เพจเรื่องเล่าชาวสยามได้นำมาเล่าต่อของตำนานหลวงพ่อเดิม พุทธสโร บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล