สำเร็จสมหวัง หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ปลุกเสกของขลังด้วยโองการ10,000จบ แม้แต่ฐานส้วมยังศักดิ์สิทธิ์

หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง มีเรื่องเล่ากันว่ามีต้นตะเคียนต้นหนึ่งมีน้ำมันตกและดุมากเป็นที่เกรงกลัวแก่ชาวบ้านแถบนั้น หลวงปู่จึงช่วยยืนเพ่งอยู่ ๓ วันเท่านั้น ต้นตะเคียนก็เฉาและยืนต้นตาย หลวงปู่เป็นผู้มีอาคมฉมัง วาจาสิทธิ์ มักน้อยและสันโดษ ท่านเป็นต้นแบบในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านได้สร้างถาวรวัตถุที่ได้เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้คือพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ พระเจดีย์ จึงเป็นที่มาของการสร้างพระปิดตา และตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคล

จวบจนเมื่อถึงวันจันทร์ที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ เวลา ๑๐.๐๐ น.(ช่วงรัชกาลที่ ๕)ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ ท่านได้มรณภาพ ด้วยโรคชรา รวมสิริอายุได้ ๘๐ ปี ก่อนที่ท่านจะมรณภาพได้มีศิษย์ผู้ใกล้ชิดเป็นตัวแทนของชาวบ้าน และผู้เคารพนับถือศรัทธา ที่มีและไม่มีของมงคลท่านไว้บูชา กราบเรียนถามหากว่าเมื่อหลวงปู่ได้มรณภาพแล้วจักทำประการใด ท่านจึงได้มีปัจฉิมวาจาว่า

” มีเหตุสุข ทุกข์ เกิดนั้น ให้ระลึกถึงชื่อของเรา”

จึงเป็นที่ทราบและรู้กันว่า หากผู้ใดต้องการมอบตัวเป็นศิษย์หรือต้องการให้ท่านช่วยแล้วด้วยความศรัทธายิ่ง ก็ให้เอ่ยระลึกถึงชื่อของท่าน ท่านจะมาโปรดและคุ้มครองและหากเป็นเรื่องหนักหนาก็บนตัวบวชให้ท่าน รูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงปู่ท่านประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถสร้าง(หล่อ) ขึ้นเมื่อพ.ศ. ๒๔๘๐ ในสมัยหลวงปู่กลิ่น ผู้ปกครองวัดต่อจากท่าน เพื่อการสักการะบูชา ต่อมาจนทุกๆวัน
จะมีผู้ศรัทธาจากทุกสารทิศมากราบไหว้และบนบานฯ ตลอดเวลาตราบแสงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ท่านชอบกระทงใส่ดอกไม้เจ็ดสี จะมีผู้นำมาถวายและแก้บนแทบทุกวันโดยเฉพาะในวันพระแม้แต่ผงขี้ธูปและน้ำในคลองหน้าวัดก็ยังมีความ“ขลัง” อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

และหลังจากที่ท่านมรณภาพล่วงไปเนิ่นนานแล้วก็ตามที ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ผลปรากฏว่าฐานที่ท่านเคยถ่ายทุกข์เอาไว้และปิดตาย คราวที่เกิดไฟไหม้ป่าช้า ฐานของหลวงปู่เอี่ยมเพียงหลังเดียวเท่านั้นที่ไม่ไหม้ไฟ เมื่อความอัศจรรย์ปรากฏขึ้นเช่นนั้น ผู้คนจึงค่อยมาตัดเอาแผ่นสังกะสีไปม้วนเป็นตะกรุดจนหมดสิ้น นอกจากนั้นแล้วยังมารื้อเอาตัวไม้ไปบูชาจนไม่เหลือหรอ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่ได้อะไรเลยก็มาขุดเอาอุจจาระของท่านไปบูชา

ของขลัง …ตะกรุดมหาโสฬสมงคล ท่านได้ใช้ความตั้งใจพากเพียรพยายามทยอยสร้างออกมาอยู่เรื่อยๆเพื่อแจกจ่าย ทำทุนปัจจัยมาสร้างโบสถ์ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ และเจดีย์แก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์ เงิน ๑ตำลึงหรือ ๔ บาท หรือจะนำทราย หรือ อิฐ หรือหิน จำนวน ๑ ลำ หรือกำปั้น ก็จะได้ตะกรุด ๑ ดอก

การปลุกเสก…เห็นจะไม่มีอิทธิของวัตถุสำนักใดๆ ที่มีการปลุกเสกของท่านตามลำพังเงียบๆ ภายในกุฏิทุกค่ำคืนและแทบจะตลอดอายุขัยของท่านทีเดียว โดยต้องปลุกเสกด้วยโองการมหาทะมึนให้ครบ ๑๐,๐๐๐ จบ ในเวลา ๓ ปี การใช้เวลาอันเนิ่นนานปานนี้ จึงไม่มีปัญหาเลยว่า ตะกรุดของหลวงปู่ จะไม่เป็นยอดแห่งบรรดาตะกรุดทั้งหลาย เป็นตะกรุดที่ทรงคุณค่าควรเมือง หรือค่าพันตำลึงทองทรงอิทธิพลังพุทธาคุ้มเกรงภยันตรายทั้งปวง

ผู้ใดมีไว้ครอบครองหมั่นบูชา กราบไหว้ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวและวงศ์ตระกูลและพ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ชีวิตจักไม่ตกต่ำเป็นมหามงคลยิ่งใหญ่มีเมตตามหานิยม เจริญลาภผล จังงัง กำบังภัยแคล้วคลาด คลกระพันชาตรี บำบัดและป้องกันเจ็บไข้ เสนียดจัญไรโจรภัยกันไฟพ้นจากศัตรูหมู่สัตว์ร้าย อย่าว่าแต่ปืนผาหน้าไม้เลย แม้แต่อหิงสา หรือฟ้าผ่าก็ยังกันได้ แจ้งเหตุการณ์ให้ทราบก่อนล่วงหน้า ดลใจในทางที่ถูกที่ควรถ้าอยู่ในบ้านเรือนบูชา ก็จะมีแต่สิริมงคล แต่ที่สำคัญจะทำให้ผู้มีไว้ครอบครองได้สัมฤทธิ์ผล แห่งเดชนุภาพทั้งปวงแต่ต้องปฏิบัติตน ให้อยู่ในศีลในธรรม ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยมจึงเด่นขึ้นสู่ความนิยม และมีค่านิยมสูงยิ่ง เป็นอันดับหนึ่งของบรรดาเครื่องรางและตะกรุดมาเนิ่นนานกว่าใคร เป็นวัตถุมงคลที่มีสนนราคาสูงยิ่ง และหายากยิ่งจนมีผู้สืบเสาะอยากจะเป็นเจ้าของกันทั่วไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

ใส่ความเห็น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า