สมัยก่อนโจรกับเครื่องรางพระเครื่องเป็นของคู่กัน สมัยที่เสือขาวจะถูกยิงเป้านั้น(เสือขาวเป็นจอมโจรเจ้าของฉายาขุนโจรร้อยศพมีประวัติโหดมากฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กแรกเกิด เสือขาวมีของดีที่อยู่กับตัวคือ “ลูกอมหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา”) หลวงพ่อดิ่งได้เตือนเสือขาวว่า“มึงจะต้องตายโหงหากไม่เลิกเป็นโจร” เสือขาวตอนนั้นกำลังทะนงตัวเพราะไม่มีอาวุธใดๆทำอันตรายเสือขาวได้เลย ปืนก็ยิงไม่ออก มีดก็แทงไม่เข้า
ความเป็นอมตะของเสือขาวนี้เองทำให้เกิดความลำพองใจไม่ฟังคำเตือนของหลวงพ่อดิ่งซึ่งเป็นอาจารย์ของตัวเอง ตำรวจชุดไล่ล่าซึ่งประกอบด้วย ร.ต.อ.พจน์ รัตนดิลก จ่าบุญมี แก่นกระโทก จ่าดวง เดชชาติ ได้มาหาหลวงพ่อดิ่งที่วัดบางวัวแล้วถามว่าจริงหรือที่ว่าเสือขาวนั้นหนังเหนียว หลวงพ่อดิ่งบอกว่า “จริง ไอ้ขาวมันหนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้าหรอก แต่มันจะแพ้ดวงของมันเอง อาตมาบอกไม่ได้หรอกว่าจะสังหารไอ้ขาวได้อย่างไร เพราะมันจะเป็นการผิดศีล”
ตำรวจชุดไล่ล่าลาหลวงพ่อดิ่งกลับ ในขณะนั้นมีตาเถรคนหนึ่งซึ่งรู้จักกับจ่าบุญมีได้มาบอกว่า“ถ้าจะสังหารไอ้ขาวจะต้องใช้ลูกปืนที่หัวกระสุนทำด้วยใบมีดหมอ มีดหมอต้องเป็นของหลวงพ่อโศก วัดปากคลอง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งหลวงพ่อโศกเป็นพระสหายของหลวงพ่อดิ่งวัดบางวัว วิชาอาคมของหลวงพ่อดิ่งที่ลงไว้ หลวงพ่อโศกท่านจะจารแก้ไว้บนใบมีดหมอของท่าน”
สมัยก่อนนั้นมีดหมอของหลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครกยังพอที่จะหาได้ไม่เหมือน ในเวลานี้ซึ่งหามีดหมอของท่านไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งหาได้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นของแท้หรือเปล่าเพราะของปลอมมีแยะเหลือเกินทำได้เหมือนของจริงจนแยกแยะไม่ออก เสือขาวได้ปะทะกับตำรวจชุดไล่ล่าอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งเพราะกระสุนเพียงนัดเดียวมันก็เกินพอที่จะทำให้เสือขาวถึงกับทรุดท้องทะลุแม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็คางเหลืองสิ้นลายของคำว่า“จอมโจรหนังเหนียว”นับตั้งแต่บัดนั้นเสือขาวถูกพิพากษาโทษให้ประหารชีวิต(ยิงเป้า)ซึ่งกระสุนที่เพชรฆาตใช้สังหารเสือขาว หัวกระสุนทั้งหมดที่ใช้ยิงทำจากใบมีดหมอของหลวงพ่อโศกทุกนัดครับ
สุดๆก็คราวๆสงครามอินโดจีนที่สมรภูมิปอยเปต ทหารไทยสองนายลุกพรวดจากแนวป้องกันเดินดุ่มๆ เข้าไปตัดลวดสนามโดยที่ฝ่ายฝรั่งเศสก็ระดมยิงปืนกลหนักเข้าใส่แต่ไม่ระคายผิวทั้งๆที่หมวกเหล็กทะลุเป็นรูแต่คนไม่ยักกะเป็นอะไรล้มกลิ้งล้มหงายแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้ จนกองทัพฝรั่งเศสต้องล่าถอยทิ้งที่มั่นไป ทหารญวนที่โดนเกณฑ์มาก็กลัวทหารไทยมาก กรณีนี้เท่าที่จำได้ทหารไทยพกผ้าถุงของแม่กับฟันของพ่อซึ่งเป็นเครื่องรางที่คนไทยโบราณถือว่า เป็นของสูงจริงๆ มีพระแจกนะครับปลุกเสกโดยเกจิดังยุคนั้น ๔ รูปคือ
หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม หลวงพ่ออี๋ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีนามเรียกว่า “จาด จง คง อี๋” แต่บางท่านก็บอกว่า ไม่ใช่หลวงพ่ออี๋แต่เป็นอีกท่านหนึ่งก็ว่ากันไป
ตะกรุดเเม่ทัพหลวงพ่อกวยทหารไทยได้ถูกส่งตัวไปรบที่ลาวทั้งถูกยิงถูกเเทงเเต่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ พอสงครามลาวสิ้นสุดด้วยความลำพองใจในพุทธคุณตะกรุดเเม่ทัพของหลวงพ่อกวย ทหารที่เป็นลูกศิบย์หลวงพ่อกวยจากทหารที่รับใช้ชาติกลับมาเป็นโจรปล้นเสียเอง
สุดยอดความคงกระพันของกรมหลวงชุมพร มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งขณะที่เสด็จในกรมกำลังเสวยน้ำจัณฑ์อยู่ที่วังได้มีคนเข้ามาทูลว่ามหาดเล็กของพระองค์ได้เกิดวิวาทกับพวกนักเลงใกล้ๆกับวังนางเลิ้งและน่ากลัวจะเพลี่ยงพล้ำ เพราะพวกนักเลงมีมากพระองค์จึงรีบขี่ม้าออกไปช่วย เมื่อเสด็จถึงทรงเห็นว่าพวกนักเลงกำลังจะลงดาบฟันมหาดเล็กของพระองค์ พระองค์จึงได้กระโจนลงจากม้าขึ้นคร่อมมหาดเล็กดาบจึงฟังถูกหลังของพระองค์ดัง “บึ๊ก” พอดีพวกมหาดเล็กที่เหลือตามเสด็จมาทันพวกนักเลงจึงได้หนีไป ว่ากันว่าที่พระวรกายของพระองค์ไม่ปรากฎว่ามีรอยคมดาบเลย ทรงปัดฝุ่นออกจากร่ายกายแล้วแย้มพระสรวลกับมหาดเล็กที่มีเรื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก นักเลงโบราณ