สวัสดีครับวันนี้ทีมงานขอนำทุกท่านมาศึกษาเรื่องเล่าตำนานหลวงพ่อครน วัดบางแซะ พระเกจิผู้เข้มขลังอาคมแก่กล้า แววตาดุดันแต่แฝงได้ด้วยความเมตตา เรามาติดตามกันได้เลย
หลวงพ่อครน วัดบางแซะ ท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้เข้มขลัง มีตบะบารมีธรรมแก่กล้า พระปิดตาที่ท่านได้เมตตาสร้างไว้ จัดว่าเป็นอันดับหนึ่งของพระปิดตาแดนใต้ที่บรรดาผู้นิยมพระเครื่องต่างถวิลหา และมีราคาการเช่าบูชาที่สูงถึงหลักล้านโดยประวัติหลวงพ่อครน ท่านเป็นชาวบางแซะ เกิดเมื่อปี ๒๔๑๘ เมื่อถึงวัยได้อุปสมบทที่วัดบางแซะ ศึกษาสรรพวิชาจากพระเถราจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของแถบนั้น เช่นหลวงพ่อปาน วัดโคกสมานคุณ
หลวงพ่อครน วัดบางแซะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาแฝงไว้ด้วยแววแห่งอำนาจ ลิ้นของท่านเป็นปานสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกท่านกันอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อลิ้นดำ มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพและเกรงขามทั้งชาวพุทธศาสนิกชน และมุสลิม
ประวัติของท่านนั้นไม่ค่อยมีบันทึกไว้มากนักเนื่องจาก บางแซะได้กลายไปเป็นพื้นที่ของมาเลเซียในเวลาต่อมา แต่เท่าที่ทราบก็คือหลังจากท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางแซะแล้ว ท่านก็เริ่มพัฒนาวัดบางแซะโดยความร่วมมือของชาวบ้านในแถบนั้น และท่านก็ได้เปิดการสอบบาลีนักธรรมและกรรมฐานแก่พระภิกษุ สามเณร โดยท่านเป็นผู้สอนเอง การสอนกรรมฐานในครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกในรัฐกลันตัน
เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีพระอาจารย์รูปใดเคยสอนมาก่อน ต่อมาในปีพ.ศ.2476 หลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์เพื่ออุปสมบทและบรรพชาให้แก่ชาวบ้านบางแซะ และตำบลใกล้เคียง ปีพ.ศ.2488 หลวงพ่อก็ได้เลื่อนจากพระครูชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาขึ้นเป็นพระราชาคณะสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระ โดยได้รับพระราชทานทินนามที่ “พระวิจารณญาณมุนี” และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ในรัฐกลันตัน นับเป็นพระราชคณะรูปแรกของรัฐกลันตัน
น นิพฺพินฺทิยการิสฺส สมฺมทตฺโถ วิปจฺจติ.
ประโยชน์ย่อมไม่สำเร็จโดยชอบแก่ผู้ทำโดยเบื่อหน่าย.
หลวงพ่อครนเป็นพระเถราจารย์เพียงรูปเดียวที่วัดอยู่ต่างแดน คือ วัดตั้งอยู่ ณ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย วัตถุมงคลของท่านที่รู้จักแพร่หลาย และนิยมเล่าหากันคือ พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก และเป็นพระปิดตาที่ราคาแพงที่สุดของภาคใต้ โดยเริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๐ การสร้างใช้กรรมวิธีการปั้นหุนทีละองค์ แล้วลงเหล็กจารไว้ทั่งทั้งองค์ ซึ่งนานทีจะพบพระแท้ ๆ สักองค์ ส่วนเหรียญรุ่นแรกเป็นรูปดอกจิก สร้างปี พ.ศ.๒๕๐๐ รุ่น ๒ เป็นเหรียญรูปไข่ สร้างปี ๒๕๐๕ วัตถุมงคลของท่านที่รู้จักแพร่หลาย และนิยมเล่าหากันคือ พระปิดตาเด่นทางด้านเมตตามหานิยม
หลวงพ่อครน เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบางแซะ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ท่านสร้างพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมากในรูปแบบพระปิดตา เป็นที่นิยมมาก ในหมู่ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ แม้จนปัจจุบันนี้ คนไทยในประเทศไทยนิยมสมเด็จวัดระฆังอย่างไร ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่เป็นพุทธก็นิยมพระปิดตาของหลวงพ่อครนไม่แพ้กัน กล่าวกันว่าวัดบางแซะนั้น แวดล้อมไปด้วยชาวบ้านที่เป็นมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ แต่หลวงพ่อครน ท่านก็ได้รับความเคารพนับถือและเกรงใจอย่างยิ่งจากชาวบ้าน และวัดบางแซะก็สามารถดำรงอยู่ได้ แม้จนปัจจุบันนี้ ด้วยบารมีของท่านนั่นเอง ด้วยการอยู่ท่ามกลางแขกมุลลิม แต่ด้วยคุณธรรมและตบะบารมีธรรมอันแก่กล้าของหลวงพ่อครน จึงสามารถสร้างศรัทธา และสยบไสยเวทต์มนต์แขกที่มุ่งเล่นงาน จนเป็นที่ยอมรับและศรัทธาของชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์
อนึ่งนั้น คนสิงคโปร์และมาเลเซีย ไม่ได้เรียกท่านว่า “หลวงพ่อครน” เหมือนที่คนไทยเรียก แต่จะเรียกท่านว่า “โต๊ะรายา” ซึ่งมีความหมายเทียบเท่าสังฆราชนั่นเอง สาเหตุมาจากคำเล่าลือกันที่ว่า ลูกสาวของสุลต่านคนหนึ่งที่เป็นผู้ปกครองรัฐกลันตัน ถูกกระทำไสยเวทย์หรือมนต์ดำ ทำให้สติวิกลวิปริตไป แม้จะใช้แพทย์แผนปัจจุบัน หรือคนดีมีวิชาที่เป็นชาวมุสลิม ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่หลวงพ่อครนท่านสามารถรักษาและแก้ไขได้ จนลูกสาวสุลต่านกลับมาเป็นปกติ ทำให้ท่านได้รับความนับถืออย่างยิ่งจากองค์สุลต่าน และได้ถวายเกียรติคุณให้ท่านว่าโต๊ะรายา แม้ปัจจุบันหากพูดถึงโต๊ะรายาในหมู่ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่นับถือพุทธ ก็จะหมายถึงหลวงพ่อครนนั่นเอง ซึ่งมีองค์เดียวเท่านั้น
หลวงพ่อครนท่านเป็นคนพูดน้อย มีศีลจารวัตรงดงาม เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนที่ได้พบเห็นหลวงพ่อให้ความเมตตาต่อทุกผู้ทุกนามโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้แต่ศาสนา ในยามเมื่อเขาเดือดร้อนตกอยู่ในกองทุกข์ หลวงพ่อก็จะช่วยเหลือปัดเป่าให้พ้นทุกข์ได้เสมอ อีกทั้งท่านยังมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรอย่างแตกฉาน ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิทยาคมของท่านก็เข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอย่างดี จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก ต่อมาจนถึงปีพ.ศ.2505 หลวงพ่อครนก็มรณภาพลง สิริอายุได้ 88 ปี พรรษาที่ 67
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบางเรื่องเป็นความเชื่อส่วนบุคคล