หลวงพ่อกราด วัดชากกอไผ่ ท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ซึ่งหลวงพ่อวงศ์ท่านเป็นพระมีอาคมสูงเคยไปปลุกเสกในงานหนึ่ง ซึ่งในงานนี้มีหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม นั่งปลุกเสกอยู่ข้างๆ จนหลวงพ่อคงเมื่อพิธีเลิกแล้วถึงกับพูดกับอาจารย์เภาว่า “ไม่รู้ว่าพระที่นั่งข้างฉันอยู่วัดไหน กระแสจิตแรงกล้าเหลือเกิน ฉันจับสายสิญจน์ทีไรสะดุ้งทุกที”
นี่ย่อมแสดงถึงความมีอำนาจจิตอันแรงกล้าของหลวงพ่อวงศ์อดีตก่อนนั้นการสื่อสารยังไม่มีเหมือนกับในยุคนี้ ยามที่วัดหลวงพ่อวงศ์มีงาน หลวงพ่อวงศ์จะเสกหุ่นพยนต์มาตามหลวงพ่อกราดไปช่วยที่วัด หรือบางครั้งหลวงพ่อกราดก็เสกอีกาไปบอกข่าวให้แก่หลวงพ่อวงศ์ จนเป็นที่เลื่องลือของชาวบ้านในยุคนั้นเป็นอย่างมาก หลวงพ่อวงศ์นี้คนจีนแถวปากน้ำระยองนับถือท่านมากทีเดียว ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ รูปร่างท่านอ้วนท้วน สมบูรณ์ ใจดี ชอบช่วยเหลืออนุเคราะห์ผู้อื่นมาก ท่านเป็นพระหมอที่มีความเชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรเป็นพิเศษ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสังข์เฒ่า
มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังนั่งโขกหมากรุกอยู่กับพระในวัด ได้มีคนจีนที่ปากน้ำระยองมาหาท่านเพื่อขอให้ท่านทำน้ำมนต์ คนจีนผู้นั้นได้เดินไปหาหลวงพ่อวงศ์พร้อมกับน้ำใส่ขวดถือไปด้วย หลวงพ่อวงศ์พูดว่า
น้ำในขวดใช้ได้แล้วเอากลับไปบ้านเถิด ทั้งๆ ที่ตามองไปที่กระดานหมากรุก คนจีนผู้นั้นเห็นเช่นนั้น จึงเกิดความเสื่อมศรัทธาและลาหลวงพ่อวงศ์กลับทันที เมื่อเดินทางมาระยะหนึ่งจึงหยิบขวดน้ำมนต์มาดูและตัดสินใจเททิ้งทันที แต่ปรากฏว่าเทเท่าไรๆ น้ำมนต์ก็ไม่ไหลออกจากขวด พอตั้งขวดให้อยู่ในสภาพตั้งตรงน้ำในขวดก็ยังอยู่เหมือนเดิม ทำความตกอกตกใจให้คนจีนผู้นั้นเป็นอย่างมากถึงกับยกมือไหว้ไปทางวัดบ้านค่ายพร้อมทั้งขอขมาท่าน เมื่อกลับมาถึงปากน้ำระยองแล้วจึงได้นำเรื่องราวของหลวงพ่อวงศ์ที่ตนเองประสบมาเล่าให้บรรดาพรรคพวกฟัง ปรากฏว่าวัดหลวงพ่อวงศ์ได้มีผู้ไปหาท่านเพื่อขอของดีจากหลวงพ่อวงศ์เป็นอย่างมากทีเดียวในยุคนั้น
หลวงพ่อวงศ์เมื่อเวลามรณภาพปรากฏว่าได้มี นกบินมาที่เมรุเผาศพท่านเป็นจำนวนมากเสมือนกับนกเหล่านี้จะมาไว้อาลัยให้แก่หลวงพ่อวงศ์ เมื่อเผาเสร็จแล้วนกเหล่านี้ก็บินหายไปไม่เหลือแม้กระทั่งตัวเดียว สำหรับ หลวงพ่อกราด วัดชากกอไผ่ ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อทิมก็มีอิทธิฤทธิ์ไม่แพ้หลวงพ่อวงศ์เช่นกัน
มีอยู่ครั้งหนึ่งชาวบ้านแถบนั้นได้นำเอาตะกั่วถ้ำชามามอบให้หลวงพ่อกราดเพื่อลงตะกรุดโทน จะได้นำไปติดตัวตอนเป็นทหาร หลวงพ่อกราดก็บอกว่า อีก ๗ วันมาเอา เมื่อครบ ๗ วันชายผู้นั้นก็ไปหา หลวงพ่อกราดเพื่อรับตะกรุดโทน ขณะนั้นหลวงพ่อกราดนั่งอยู่บนกุฏิพอเห็นชายผู้นั้นท่านจึงเอ่ยว่า ไอ้ทิดตะกรุดของเอ็งตกอยู่ข้างล่าง ลงไปหยิบให้ทีสิ พอชายผู้นั้นหยิบขึ้นมาแล้ว หลวงพ่อกราดก็ใช้ฉมวกสำหรับแทงปลาอันแหลมคม พุ่งอย่างแรงไปที่กลางหลังของชายที่กำลังถือตะกรุดอยู่ เสียงดังสนั่น ชายผู้นั้นถึงกับล้มทั้งยืนหน้าซีดไม่มีสีเลือด นั่งอยู่กับพื้นพูดอะไรไม่ออก หลวงพ่อกราดจึงตะโกนไปว่า อะไรว่า อยากได้ของดียังใจเสาะอีก เดี๋ยวเอาของคืนเสียเลย
เนื่องจากหลวงพ่อกราดเป็นพระที่ชอบสูบกัญชา ลักษณะภายนอกเหมือนพระวิกลจริตจึงถูกคนช่างฟ้องนำไปฟ้องหลวงพ่อขาว วัดทับมา ซึ่งเป็นเจ้าคณะแขวงในสมัยนั้น หลวงพ่อขาวจึงลงมาสอบสวนหลวงพ่อกราดด้วยตนเอง หลวงพ่อกราดก็ให้โยมวัดรินเหล้ามาแก้วหนึ่งแล้วนำมาถวายหลวงพ่อขาว หลวงพ่อขาวรับไว้แล้วยกขึ้นดื่มทันที เมื่อหลวงพ่อขาวดื่มไปได้ครึ่งแก้วจึงวางแก้วเหล้าลงแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เออ…ข้ารู้แล้ว เอ็งไม่ผิดหรอก” ปรากฏว่าเหล้าที่หลวงพ่อขาวได้รับจากหลวงพ่อกราดไปนั้นกลายเป็นน้ำฝนอย่างน่าอัศจรรย์” หลวงพ่อกราดจึงพูดว่า คนเขาลือว่ากระผมสูบกัญชามันก็เป็นเช่นเดียวกับเหล้าที่ท่านได้ดื่มไปเมื่อสักครู่นี้แหละครับ
ข้อมูลโดย ประวัติศาสตร์และพระดีเมืองระยอง