กรมหลวงชุมพรฯ ได้สุดยอดวิชาหายตัวอยู่ในขวดโหลทำน้ำมนต์

ครั้งหนึ่งกรมหลวงชุมพรฯ ได้เสด็จไปศึกษาวิทยาคมกับหลวงปู่ศุขที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ขณะที่พระองค์สนทนากับพระอาจารย์สองต่อสองอยู่นั้น พอดีมีพ่อค้าชาวจีนผู้หนึ่งได้แวะมากราบหลวงปู่ พ่อค้าจีนรายนี้เป็นชาวเกาะไหหลำ เจ้าของเรือบรรทุกสินค้าที่ล่องมาจอดอยู่ที่ท่าเรือกรุงเทพฯ

เมื่อเข้าไปกราบหลวงปู่ศุขแล้วก็ออกปากขอน้ำมนต์จากหลวงปู่ศุขเพื่อนำไปพรมเรือเดินทะเลให้เป็นสิริมงคล ปลอดภัยในการเดินทาง และเจริญรุ่งเรืองในการค้าขาย แต่ตอนที่พ่อค้าจีนรายนี้เข้าไปกราบหลวงปู่นั้น กะเร่อกะร่าเข้าไปไม่รู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่กับหลวงปู่นั้นเป็นใคร เวลานั้นเสด็จในกรมนั่งถือขวดโหลแก้วใส่น้ำอยู่ เมื่อไม่รู้ว่าเป็นใครก็ไม่มีความคารวะเสด็จในกรม แล้วพ่อค้าจีนก็ออกปากขอน้ำมนต์จากหลวงปู่ศุข ทางฝ่ายหลวงปู่ก็พุดดุเอาว่า

“ไม่มีสัมมาคารวะ เจ้านายกำลังเสด็จเซ่อซ่าเข้ามาได้ไง”

เสด็จในกรมได้ยินหลวงปู่กล่าวดุพ่อค้าจีนรายนั้น พระองค์จึงตรัสขัดขึ้นว่า

“โธ่ หลวงพ่อก็ในเมื่อสัตว์ผู้ยากที่ไหน ๆ พากันมาหาหลวงพ่อด้วยกันทั้งนั้น หลวงพ่อช่วยสงเคราะห์เขาไปเถอะ”

หลวงปู่ศุขฟังเสียงขัดของเสด็จในกรมอย่างนั้น ก็มีท่าทางไม่พอใจที่เสด็จในกรมมาขัดคอต่อหน้าพ่อค้าจีน (แต่บางคนวิเคราะห์ว่าเป็นการแกล้งทำโกรธเพื่อจะลองวิชาให้พระองค์ได้เห็น) ขณะเดียวกันพ่อค้าจีนที่เข้าไปขอน้ำมนต์ก็ถือขวดโหลใส่น้ำเตรียมมาพร้อมเพื่อให้หลวงปู่เสกน้ำมนต์ให้ ทันใดสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หลวงปู่ศุขผุดลุกขึ้นยืนแล้วเปลื้องอังสะออก ทันใดนั้น ทั้งเสด็จในกรมและพ่อค้าจีนก็แลเห็นหลวงปู่ศุขกระโดดลงไปนั่งอยู่ในขวดโหลของพ่อค้าจีนรายนั้น ขวดโหลใบเล็กแต่มีร่างย่อของหลวงปู่ศุขนั่งแช่น้ำอยู่ในนั้น เป็นที่อัศจรรย์นัก

การเข้าไปอยู่ในขวดโหลเกิดขึ้นรวดเร็วจนใคร ๆ จับตาดูไม่ทันว่าท่านหายตัวและย่อตัวลงไปตอนไหน ท่านนั่งแช่น้ำในขวดโหลอยู่ครู่หนึ่งจึงกระโดดออกจากขวดโหล พ่อค้าจีนยกมือขยี้ตาตัวเองด้วยความฉงน ส่วนหลวงปู่ศุขเดินไปหยิบอังสะมาครองเช่นเดิม แล้วกลับมานั่งลงเบื้องหน้าของเสด็จในกรมและพ่อค้าจีน

“น้ำมนต์เสร็จแล้ว เอาไปสิ”

หลวงปู่ศุขบอก พ่อค้าชาวจีนก็รีบปิดฝาขวดน้ำมนต์แล้วกราบลาหลวงปู่ไป ปล่อยให้เสด็จในกรมและหลวงปู่ศุขได้สนทนากันต่อไป

ชาวจีนผู้นี้เมื่อได้น้ำมนต์ไปใช้สมใจนึก ก็ล่องเรือไปค้าขายที่กรุงเทพฯ ได้กำไรเกินคาด ขากลับขึ้นมาจากกรุงเทพฯ จึงซื้อ “ลิ้นจี่กระป๋อง” มาถวายหลวงปู่ บังเอิญตอนนั้นหลวงปู่จำวัดอยู่พอดี และเป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อหลวงปู่จำวัดนั้น “ห้ามมิให้ผู้ใดปลุกเด็ดขาด” นอกจากเป็นเวลาฉันเพลหรือฉันยา โดยอนุญาตให้เด็กวัดใช้ไม้เคาะที่ฝากุฏิเป็นสัญญาณ แต่พ่อค้าจีนผู้นี้ก็ยังกะเล่อกะล่าเข้าไปปลุกท่านตื่นขึ้นมา หลวงปู่คว้าตาลปัตรซึ่งอยู่ใกล้มือตีชาวจีนผู้นั้นทันที สิ่งที่หลวงปู่ทำนั้นแม้จะแฝงด้วยอารมณ์โกรธ แต่ก็ไม่ทำร้ายใครให้ได้บาดเจ็บ เพียงแต่ทำให้ตกใจเพราะตาลปัตรเป็นของเบาและแบน เป็นการเตือนชาวจีนให้ทราบว่าตัวท่านไม่พอใจและควรมีสัมมาคารวะนั่นเอง

ปรากฏการณ์อัศจรรย์ของหลวงปู่ศุขที่เข้าไปอยู่ในขวดโหลคราวนี้เป็นต้นเหตุให้กรมหลวงชุมพรฯ ขอเรียนวิชานี้กับหลวงปู่และเป็นผลสำเร็จ พระองค์ได้นำไปทดลองแสดงให้ “หม่อม” ของท่านดูเป็นขวัญตา ดังปรากฏในหนังสือ “พระประวัติพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พลเรือเอกกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์” เขียนโดย ชัยมงคล อุดมทรัพย์ มีใจความว่า

คราเมื่อกรมหลวงชุมพรฯ ได้กลับจากการเรียนวิชากับหลวงปู่ศุขมาใหม่ ๆ ได้มีบัญชาให้หม่อมทุกคน (ที่เคยมาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า กับเสด็จในกรมจำนวน 8 คน ดังปรากฏรายนามตามลายเซ็นในสมุดเยี่ยมของขุนเธียรแพทย์) มารวมกันแล้วให้หาขวดโหลใส่น้ำสะอาดมาใบหนึ่ง ครั้นแล้วสั่งให้หม่อมทุกคนหลับตาและกลั้นลมหายใจจนเต็มกลั้น แล้วจึงลืมตาขึ้นมาใหม่ หม่อมทุกคนจึงได้เห็นต่อหน้าต่อตาว่า พระองค์ประทับทรงพระสรวลอยู่ภายในขวดโหลนั้นอย่างสำราญพระอารมณ์

เมื่อหม่อมทั้ง 8 ได้อึดใจอีกครั้งหนึ่งและหลับตาลงพร้อมกันอีกครั้ง ต่างก็ได้เห็นเสด็จในกรมทรงออกมายืนอยู่ข้างโต๊ะที่วางขวดโหลเป็นร่างปกติพร้อมกันนั้นตรัสว่า “เป็นวิชาที่เรียนมาจากหลวงพ่อศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า