พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านมีพระอาจารย์ที่ท่านเคารพนับถืออยู่หลายท่าน เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เป็นต้น แต่ที่ไม่มีคนค่อยรู้จักก็คือพระเกจิอาจารย์ทางใต้ท่านหนึ่ง คือหลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
หลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ ท่านเกิดที่บ้านท่าจาย ตำบลท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2392พออายุได้ 16 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดดอนชาย อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเมื่ออายุครบ 21 ปี จึงอุปสมบทที่วัดดอนชาย โดยมีพระอาจารย์เทศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออุปสมบทแล้วท่านก็ได้ศึกษาพระธรรมวินัย และวิปัสสนากรรมฐานตลอดจนวิทยาคมจนแตกฉาน ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีเมตตาธรรมสูง
หลวงพ่อจอนท่านมีกระแสจิตวิทยาคมสูง มีเรื่องราวเล่าขานกันต่อๆ มา มีอยู่วันหนึ่งฝนตกหนัก จนกระทั่งรุ่งเช้าฝนก็ยังไม่หยุดตกพระสงฆ์ก็ออกบิณฑบาตไม่ได้ หลวงพ่อท่านครองจีวรอุ้มบาตรออกไปบิณฑบาตรูปเดียว โดยเดินฝ่าสายฝนที่ตกหนักไป ท่านออกเดินไปครู่ใหญ่ๆ ก็กลับมาพร้อมกับข้าวเต็มบาตร พอที่พระภายในวัดได้ฉันกันในวันนั้น โดยที่ร่างกายและจีวรของท่านไม่ได้ถูกฝนเลยแม้แต่น้อย
อีกเรื่องหนึ่งคือมีชาวบ้านลากเกวียนมาติดหล่มใกล้กับวัด ทำอย่างไรก็ไม่สามารถนำควายขึ้นจากหล่มได้ จนควายจมโคลนไปจนถึงท้อง เจ้าของควายจึงไปขอให้หลวงพ่อช่วยเหลือ หลวงพ่อจอนท่านก็หยิบเอาสายสิญจน์ไปผูกไว้ที่คอควาย แล้วท่านก็ค่อยๆ ดึงสายสิญจน์ปรากฏว่าควายสามารถขึ้นจากหล่มได้โดยง่าย
เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เมื่อครั้งเสด็จเมืองชุมพร ก็ทรงทราบว่ามีพระเกจิอาจารย์ที่เก่งอยู่ ท่านจึงปลอมตัวเป็นชาวบ้านพร้อมกับองครักษ์ 2-3 คน เสด็จไปหาหลวงพ่อจอน พอไปถึงวัดก่อนจะขึ้นไปบนกุฏิก็เห็นว่า มีเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่นอนขวางอยู่ องครักษ์ทำท่าจะเผ่นอยู่แล้ว แต่เสด็จในกรมฯท่านทรงห้ามไว้ พอหันกลับไปดูอีกทีปรากฏว่ากลายเป็นแมวตัวหนึ่งนอนอยู่ เสด็จในกรมฯ ท่านจึงขึ้นไปบนกุฏิ เห็นหลวงพ่อจอนนั่งอยู่กับลูกศิษย์ 2-3 คน ยังไม่ทันที่เสด็จในกรมฯ ท่านจะทรงนั่งลง หลวงพ่อจอนได้พูดทักขึ้นว่า
“วันนี้ลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จมาถึงที่นี่เชียวหรือ”
หลังจากนั้นหลวงพ่อจอนได้ยื่นผ้าเช็ดปากให้เสด็จในกรมฯ ทรงทดลองยิง ซึ่งเสด็จในกรมฯ ท่านเอาผ้าเช็ดปากนั้นไปทดลองยิงข้างล่างกุฏิ ปรากฏว่ายิงออกทุกนัด แต่หารอยกระสุนไม่ได้เลย ครั้นพอเสด็จขึ้นมาบนกุฏิ ปรากฏว่าหลวงพ่อจอนท่านแบมือให้เสด็จในกรมฯ ทอดพระเนตรก็มีลูกกระสุนปืนที่เสด็จในกรมฯ ทรงทดลองยิงนั้นอยู่บนฝ่ามือหลวงพ่อครบทุกนัด เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ท่านจึงเคารพศรัทธาในตัวหลวงพ่อจอน เป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เสด็จมาเมืองชุมพร ก็จะทรงแวะนมัสการหลวงพ่อจอนในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ทุกครั้งไป
มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่จอนได้ไปสร้างวัด ที่ จ.ชัยนาท เรียกว่า วัดสระเนินพระราม ในตอนแรกเป็นการยากที่จะสร้างวัดให้สำเร็จ เพราะประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านเกิดความแตกแยก มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เสมอ
หลวงปู่จอน จึงไปขอให้ทั้ง 2 หมู่บ้านนี้สามัคคีกัน แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ บังเอิญชาวบ้านได้ถางป่าไม้ไผ่ไว้แล้ว เจ้าของป่าไผ่ได้จุดไฟเผาป่า ไฟได้ลุกไหม้ป่าอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเช่นนี้เพราะเจ้าของป่าไผ่ได้ชักชวนชาวบ้านไปจุด
หลวงปู่จอนจึงได้เดินลุยไฟให้ชาวบ้านได้เห็นด้วยสายตาตัวเองว่า ไฟนั้นไม่สามารถเผาไหม้ท่านได้เลย ดังนั้นทั้ง 2 หมู่บ้านจึงเกิดความนับถือ เลื่อมใสในตัวของหลวงปู่จอน จึงทำให้ทั้ง 2 หมู่บ้าน สมัครสมานสามัคคีต่อกัน ช่วยกันสร้างวัดจนสำเร็จ