หลวงพ่อขันนั้น ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๕ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ปีวอก ณ ต.วัดยม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อขันได้กราบเป็นศิษย์หลวงพ่ออ่ำ วัดวงฆ้อง และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และพระเกจิเก่งๆในยุคนั้นอีกหลายท่านด้วยกัน
นานวันเข้าหลวงพ่อขันนั้นก็มีชื่อเสียงในด้านสักอักขระยันต์ต่างๆ ซึ่งชื่อเสียงของท่านนั้นดังไปถึงบางกอก(กรุงเทพฯ) ซึ่งชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียงนั้นให้ความเคารพรักศรัทธาท่านอย่างมาก และมักจะเดินทางไปให้ท่านสักยันต์ให้มากมาย เนื่องจากว่า ใครก็ตามที่ได้สักยันต์กับหลวงพ่อขันและได้ปฏิบัติตามยึดมั่นในคำสอนของท่าน จะพบแต่ความแคล้วคลาดปลอดภัยอยู่ยงคงกระพันทุกคนไป
จนได้รับการกล่าวขวัญจากชาวกรุงเก่าว่า “ใครสักยันต์กับหลวงพ่อขัน จะถูกฟันแทงก็ไม่ต้องกลัว” ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจริงกับลูกศิษย์ที่ไปโดนนักเลงต่างถิ่นรุม แต่ก็สู้เอาตัวรอดมาได้โดยไม่ได้รับอันตรายจากอาวุธใดๆเลย มีก็แค่แผลฟกช้ำเพียงเล็กน้อย จนทำให้บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ นักเลงในสมัยนั้นๆต่างก็เข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านและสักยันต์กับท่าน ยันต์ที่ขึ้นชื่อมากๆ ของท่าน คือยันต์ บุตรพระราม คือ พระมงกุฎ และ พระลบ ๒ กุมาร
ยันต์พระบุตรพระลบ เป็นยันต์รูปเด็กสองคน หมายถึงบุตรของพระราม กล่าวกันว่ามีอิทธิฤทธิ์มาก แม้แต่หนุมานยังต่อกรไม่ได้ เมื่อนำมาสักที่ตัวคน ย่อมดลบันดาลให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์มาก ยันต์นี้เป็นสายวัดมะขามเฒ่าจะสัก 2 ข้าง ข้างหนึ่งเป็นพระบุตร อีกข้างเป็นพระลบ ยันต์นี้ตำแหน่งที่ลง ต้องสามารถเอามือลูบได้ทั้ง 2 ข้าง เพื่อใช้ลูบเวลาปลุกยันต์
เรื่องสักยันต์นั้น ยังมีคนตำแหน่งใหญ่โตหลายท่านที่มาสักยันต์กับหลวงพ่อขัน เช่น กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร, พระยาอุภัยพิพากสา, พ.ต.อ.พระยาอนันต์ยุทธกาจ จากบันทึกของหม่อมเจ้าหญิงเริงจิตรแจรง อาภากร พระธิดาของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กล่าวไว้ว่า พระองค์(กรมหลวงชมพรฯ)ได้สักยันต์ “นะ” วิเศษกับหลวงพ่อขันวัดนกกระจาบ กรุงเก่า ที่กัณฐมณี(ลูกกระเดือก)
อโยธยามีคณาจารย์ ขมังเวทย์
ผู้เรืองเดชพระเวทย์ อาคมขลัง
วัดนกกระจาบมีปู่ขัน อาจารย์ดัง
ผู้หยุดยั้งอยู่ยง คงกระพัน
พ่อเป็นศิษย์ปู่อ่ำ วัดวงศ์ฆ้อง
ชื่อกึกก้องแซ่ซ้อง แผ่ไพศาล
ลงเข็มสักบุตรลบ สยบมาร
เป็นตำนานหลวงปู่ขัน อโยธยา
หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ยอดพระสัก แห่งอโยธยา
หลวงพ่อขัน ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระวินัยและชอบเดินธุดงค์ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามป่าตามดงยึดสันโดษ จึงทำให้ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก
สำหรับลูกศิษย์หลวงพ่อขันนั้นมีอยู่หลายองค์ ศิษย์เอกก็จะมีหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และยังเคยชม “หลวงพ่อพรหม ว่าเสกวิชาสิงห์ได้ขลังมาก “ ทั้งๆที่หลวงพ่อจง ท่านก็เก่งด้านวิชาเสกสิงห์ อยู่แล้ว หลวงปู่สีห์ วัดสะแก ยังเคยพูดว่า
“ในอยุธยายุคนี้(สมัยที่ท่านมีชีวิต) เรื่องคงกระพันไม่มีใครเกินท่านพรหม”
หลวงพ่อขันท่านได้มรณภาพลงอย่าสงบในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ อายุ ๗๑ ปี ๕๒ พรรษา