ความลำบากเด็กชนบททำให้ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม และในวันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวการสู้ชีวิตของ แพทย์หญิงสายสุดา ขวัญเพชร หรือ หมอโหน่ง แพทย์ฯรุ่นที่ 5 ม.อุบลฯ ซึ่งเธอสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 มาได้ และเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในเดือนธันวาคมปี 2559
หมอแกร่งสู้ชีวิต พญ.สายสุดา ได้เปิดเผยเส้นทางชีวิตของตนเองว่า ตนเป็นเด็กบ้านนอกมาจากครอบครัวยากจน พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทำงานหนัก ชีวิตลำบากมากเดินเท้าไปโรงเรียนระยะทางกว่า 5 กม.ทุกวัน เคยกินข้าวจี่โรยเกลือไข่เจียว ปลากระป๋อง ไข่ต้ม เป็นอาหารดีสุดในตอนนั้น แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอยากเป็น “หมอ”
หลังจากที่เข้ามาเรียนมัธยมในตัวเมืองโดยต้องนั่งรถมาเรียนระยะทางกว่า 40 กม.และต้องประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการห่อข้าวมาทานที่โรงเรียน แม้จะมีคนคอยพูดกล่าวไม่ดี แตาไม่เคยเก็บเอามาคิด
เมื่อเธอมีความฝันและอยากทำให้มันเป็นจริง พ่อแม่มีความภูมิใจที่จะส่งเสียให้เรียนจนถึงจุดสูงสุด แม้จะต้องใช้ที่ดินสวนปลูกผลไม้ที่มีอยู่ขายเป็นค่าเทอม เดชะบุญ สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ยื่นมือมาช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาแบ่งเบาภาระครอบครัวจนจบ
เมื่อครอบครัวทราบข่าวในการเรียนจบแถมยังคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 มาครอง ยิ่งทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ต้องขอขอบคุณโอกาสดีๆ ที่ทุกคนหยิบยื่นให้ ผู้เปลี่ยนชีวิตตนให้เป็นหมอได้อย่างภาคภูมิใจ ตนจะตอบแทนทุกคนด้วยการทำหน้าที่เป็นหมอที่ดีที่สุด เปรียบดังสุภาษิตธรรมว่า
อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ อณุ อคคึว สนฺธมํ
ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย เหมือนคนก่อไฟน้อยขึ้นฉะนั้น
หลังจบการศึกษาหมอโหน่งเข้ารับราชการที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ตำแหน่งแพทย์ปฏิบัติการ นับว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ หมอแกร่งสู้ชีวิตบัณฑิตเกียรตินิยมที่ก้าวสู่ฝันได้สำเร็จ สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยในสังคม