ตำนานดาบแดงของขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่เชื่อว่าเป็นดาบตกทอดมาจาก “พระยาพิชัยดาบหัก” ทหารเอกพระเจ้าตากสิน
ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นตำรวจผู้มีชื่อเสียง กล่าวกันว่าท่านมีวิชาอาคมแก่กล้าเป็นที่เกรงกลัวแก่เหล่าบรรดาเสือโจร จากบทสัมภาษณ์ท่อนหนึ่ง ลูกชายของขุนพันคนที่ 9 นายณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ได้กล่าวไว้ว่า
คุณพ่อฝึกวิชาอาคมมาหลายอย่าง หลังจากจบโรงเรียนนายร้อยห้วยจรเข้ จ.นครปฐม จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่สำนักเขาอ้อ สำนักนี้เขาจะสอนตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น เกิดมาก็จะมีการทำพิธีขึ้นเปล ซึ่งเขาจะมีพิธีการของเขา รวมไปถึงการใช้สมุนไพร หากตายก็จะมีพิธีการมัดตราสัง ต้องดูฤกษ์ดูยามในการเผา สิ่งที่คุณพ่อเรียนมา ประกอบด้วย
- 1.วิชากำบังตัว
- 2.อยู่ยงคงกระพัน
- 3.การดูฤกษ์ยาม
คนที่จบมาจากสำนักเขาอ้อ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ถ้าไม่เป็นโจร ก็เป็นตำรวจ ซึ่ง “เสือกลับ คำทอง” จะเรียนก่อนคุณพ่อ คุณพ่อถือเป็นรุ่นน้อง โดยเสือกลับ เรียนกับอาจารย์เอียด ส่วนขุนพันธรักษ์ราชเดช พ่อผมเขาเรียนกับอาจารย์ทอง โดยมีฤาษีรูจี เป็นต้นตำรับของวิชา”
ขุนพันท่านเองมีอาวุธติดตัวคู่กายอีกหนึ่งอย่างคือดาบแดง ซึ่งเป็นเหล็กน้ำพี้ ที่เชื่อกันว่าเป็นดาบของพระยาพิชัย โดยดาบเล่มนี้ได้รับมาจาก หลวงกล้ากลางณรงค์ ผู้สืบเชื้อสายมาจากพระยาพิชัยดาบหักโดยตรง
ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานนามสกุล ของตระกูลพระยาพิชัยว่า วิชัยขัทคะ อ่านว่า ( วิ-ไช-ขัด-ทะ-คะ ) ซึ่งแปลโดยอนุโลมว่า “ดาบวิเศษ”
จากการที่ท่านเองได้ปราบเสือโน้มที่จังหวัดพิจิตร มีฝีไม้ลายไม้ในด้านวิชากระบี่กระบองถึงขั้นดีมาก อีกทั้งยังมีศักดิ์เป็นบุตรบุญธรรม เป็นที่ไว้วางใจของหลวงกล้าณรงค์ ทำให้คุณหลวงได้มอบดาบประจำตระกูลให้กับขุนพันธ์ ต่อมาท่านได้นำดาบที่ได้มานี้ใส่ในถุงผ้าสีแดงและยึดถือเป็นเครื่องรางประจำตัวอีกอย่างหนึ่ง
สำหรับผ้าสีแดง แม้แต่ผ้ายันต์หรือเสื้อยันต์ที่เป็นสีแดง เคยมีผู้รู้ได้อธิบายไว้ว่า หากเราต้องการเพิ่มความเข้มขลัง ให้กับเครื่องรางของขลังตามตำราในอาถรรพ์เวทย์ ของอินเดียโบราณจะใช้ผ้าสีแดงเป็นหลัก ส่วนอีกคำร่ำลือเชื่อว่าท่านนำดาบเล่มนี้ผ่านพิธีแช่น้ำข้าวเหนียวสำนักเขาอ้อ เพื่อให้ฟันแทงคนที่หนังเหนียวเข้า เพิ่มความขลังด้วยการอาบแสงจันทร์ และสีของดาบเป็นประกายออกเขียวเลื่อมคล้ายปีกแมงทับอีกด้วย