ในสมัยก่อนพื้นที่ตามต่างจังหวัดยังไม่ค่อยเจริญเหมือนปัจจุบัน การสัญจรเดินทางยังค่อนข้างลำบาก ทำให้มักเกิดการจี้ปล้นกันบ่อย ทำให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจัดการ สมัยนั้นมือปราบเก่งๆค่อนข้างน้อย ในบทความนี้ขอเอ่ยถึง สองสหายมือปราบในตำนานชื่อดังของไทย
พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช (สิงห์ใต้)ท่านเกิด วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2446 ที่ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2549 อายุ 103 ปี ท่านเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจระเข้นครปฐม ผลงานในการปราบปราบโจรผู้ร้ายมีมากมาย ปราบชุมเสือต่างๆที่มีรชื่อเสียงเช่น อะเวสะดอตาเละ จนได้รับฉายาจากชาวไทยมุสลิมว่า รายอกะจิ หรือแปลว่า อัศวินพริกขี้หนู ชื่อเสียงของท่านเริ่มดังหลังจากปราบเสือพื้นที่ต่างๆจนทำให้มีคนเรียกท่านว่า
- นายพลหนังเหนียว
- นายพลหนวดเขี้ยว
- ขุนพันธ์ฯดาบแดง
เกี่ยวกับดาบแดง จุดเริ่มต้นการครอบครองดาบแดงในตำนาน อายุกว่า 200 ปี
เชื่อกันว่าท่านขุนพันธรักษ์เองมีวิชาแก่กล้า เป็นผู้รักษาความยุติธรรมตั้งมั่นในการประพฤติดี คนสมัยก่อนที่จะมาเล่นสายอาคม คงกระพัน ต้องแน่วแน่และฝึกจิตสมาธิขั้นสูง ความจำเป็นเลิศ ขึ้นชื่อได้ว่าหากใครฝึกสำเร็จแล้วถือได้ว่าเป็นคนที่มีวิชาไว้ป้องกันภัยอีกด้วย
พลตำรวจโท ประชา บูรณธนิต (เสืออีสาน) ท่านนี้ไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ ท่านนี้ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เกิด วันที่ 16 สิงหาคม 2446 จังหวัดนครราชสีมา ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2529 เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจรเข้นครปฐม มีชื่อเสียงโด่งดังในการปราบชุมเสีอ มีหลายครั้งที่ต้องปะทะกับผู้ร้าย แม้จะถูกคมกระ สุ น มีเพียงรอยช้ำบนผิวหนังเท่านั้นหาได้ระคายเคืองไม่ จนท่านได้รับฉายา ว่า”นายพลหนังเหนียว”ในสมัยนั้นท่านได้รับเกียรติให้เป็นนายพลอัศวิน แหวนเพชร คนแรกของกรมตำรวจ(ขณะนั้น)
ประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องหลวงพ่อเหรียญวัดหนองบัวจากปากคำพลตำรวจโท ประชา บูรณธนิต 13 กุมภาพันธ์ 2497
เสือผาดผู้ยอมแค่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
ในสมัยท่านดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 7 มีคำสั่งให้ตามล่า เสือผาด ทับสายทอง แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ครั้งภายหลังท่านทราบว่าเสือผาดนั้นเป็นหนึ่งในศิษย์หลวงพ่อเงินเช่นกันท่านจึงขอร้องให้หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นัดพบเสือผาดเพื่อที่จะเจรจาและดูตัวคนนี้ โดยบันทึกนำมาจากหนังสืองานศพของท่านพลตำรวจตรี ประชา บูรณธนิต มีใจความว่า
“เสือผาดบอกผ่านหลวงพ่อเงินว่ายินดีพบแต่ขอให้ผู้บังคับการให้มาในชุดนอกเครื่องแบบและต้องมาคนเดียวห้ามพกอาวุธและลูกน้องติดตามมาด้วยมีหลวงพ่อเงินเป็นประธาน”
เมื่อถึงวันนัดท่านก็ไปพบกับเสือผาดที่กุฎิหลวงพ่อเงินโดยมีหลวงพ่อเงินเป็นประธานในครั้งนั้นเสือผาดยอมรับข้อตกลงโดยให้คำสัญญาว่าจะไม่ออกป ล้ นในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ตราบใดที่ พล.ต.ท. ประชา บูรณธนิตยังดำรงตำแหน่งผู้บังคับภาคอยู่แต่จะออก ป ล้ นที่พื้นที่ตำรวจภูธรภาคอื่นแทน ตำนานนี้ถูกบันทึกเป็นที่จดจำในของคนในพื้นที่นครชัยศรีและนครปฐมเป็นอย่างดี และนี่คืออีกบทตำนานสองสหายมือปราบจอมขมังเวทย์ของเมืองไทยเลยกะว่าได้
เรียบเรียงโดย KIDNAN.COM
ติดตามเราช่องทางอื่นได้ที่
Website www.Kidnan.com
Website www.Gejithai.com
Facebook เรื่องเล่าชาวสยาม