1ในสายบารมีครูบาอาจารย์ “ครูบาวัง พรหมเสโน” วัดบ้านเด่น

1ในสายบารมีครูบาอาจารย์ “ครูบาวัง พรหมเสโน” วัดบ้านเด่น

“ครูบาวัง พรหมเสโน” วัดบ้านเด่น พระอรหันต์จอมขมังเวทย์แห่งแดนล้านนาวัตถุมงคลของท่านไม่เคยเป็นสองรองใครท่านเป็นผู้สร้าง “ตะกรุดโทนม้าเสพนาง” อันเรื่องชื่อ “ครูบาวัง พรหมเสโน” อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านเด่น ต.หนองบัวเหนือ อ.เมือง จ.ตาก

เป็นพระเถระที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติครบถ้วนในสมณะสารูป มีความเมตตากรุณาแก่ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยท่านได้สร้างวัดบ้านเด่นตั้งแต่ยังเป็นป่าดง จนกลายเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรือง มีผู้รู้จักกว้างขวางอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

นอกจากนั้น ยังได้สร้างพระเครื่องรางของขลังจนเป็นที่ยอมรับของลูกศิษย์ลูกหาว่าเป็นของดีที่มีคุณค่า ท่านถือกำเนิดที่ ต.เหมืองจี้ อ.เมือง จ.ลำพูน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ย.2434 ปีเถาะ เป็นบุตรของเจ้าคำปวน และ เจ้าบัวเงา ณ ลำพูน บิดามารดาเป็นเชื้อสายเจ้าภาคเหนือ แต่ครอบครัวของพ่อยึดอาชีพค้าขาย ทำไร่ทำนาตลอดมา พี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 8 คน เป็นชาย 4 หญิง 4

ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น “แก้วมหาวงศ์”
เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณรและศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดบ้านเหมืองจี้ จนกระทั่งอุปสมบทเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2455 ณ วัดบ้านแป้น อ.เมือง จ.ลำพูน โดยมี พระกันธิยะ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการปั๋น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการปุ้ม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พรหม เสโน”

หลังอุปสมบทแล้วได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ โดยครั้งแรกได้ธุดงค์ไปช่วยสร้างวัดต้นธงชัย อ.แม่พริก จ.ลำปาง จนได้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ 4 พรรษา ต่อจากนั้นได้ธุดงค์ไปช่วยสร้างวัดสองแคว อ.เมือง จ.ตาก อีก 2 พรรษา และได้เป็นเจ้าอาวาสเช่นกัน

หลังจากนั้นจึงได้มาสร้างวัดบ้านเด่น ในจำนวนเวลาที่เดินธุดงค์ 12 ปีนั้น มีอยู่ 2 ปีที่ท่านได้ธุดงค์ไปเมืองย่างกุ้งเพื่อเรียนภาษาพม่า และได้เรียนเวทย์มนต์คาถาที่เป็นภาษาพม่าจนมีความ ชำนาญอย่างดี จึงเดินทางกลับเมืองไทย

ในระหว่างทางได้พบป่าแห่งหนึ่งชื่อ “ป่าเด่นกระต่าย” ซึ่งมีความร่มเย็นน่าอยู่อาศัย และมีหมู่บ้านที่ห่างไกลและยากจน จึงคิดสร้างวัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลชาวบ้านในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

เริ่มแรกท่านได้สร้างกุฏิมุงหลังคาด้วยไม้แฝกก่อน 3 หลัง ซึ่งนับเป็น สำนักสงฆ์ที่แห้งแล้งยังไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ต่อมาประชาชนใน ต.หนองบัวเหนือ อ.เมือง จ.ตาก ซึ่งอยู่ในบริเวณที่สร้างวัดบ้านเด่น ได้มองเห็นความ จำเป็ นของพระสงฆ์ที่ทนทุกข์ยาก ลำบากในเรื่องความเป็นอยู่ และอาหารการกิน จึงสละแรงกายแรงใจช่วยกันคนละไม่คนละมือร่วมกับพระสงฆ์สามเณร จนได้ศาลาไม้เก่าขึ้นมาหนึ่งหลัง และให้ชื่อว่า “วัดบ้านเด่น”

ตามสถานที่ตั้งวัดซึ่งเป็นป่าเด่นกระต่าย เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ป่าแห่งนี้
ทั้งนี้ ก่อนที่วัดบ้านเด่นจะมีชื่อเสียงเด่นสมชื่อสมความปรารถนาของครูบาวัง วัดแห่งนี้ได้รับความอุปถัมภ์จากปลัดอำเภอเมืองตาก และครอบครัว รวมทั้งประชาชนทั่วไป ปลัดอำเภอท่านนั้นก็คือ “ขุนโสภิต” บิดาของ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี

ซึ่งเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อครูบาวัง ซึ่งได้มอบตัวเป็นศิษย์และเป็นผู้บริจาคทรัพย์ร่วมสร้างวัดเป็น จำนวนมาก

“ขอให้บอกพ่อมาเถิดลูก ไม่ต้องเกรงใจลูกจะเอาอะไรต้องการอะไรจากพ่อ ขอให้ลูกบอกพ่อมาเลย”

นี่คือว ลี คำพู ดที่เปี่ยมด้วยเมตตาในมาตรฐานเดียวกันหมดทุกคน (ไม่เคยเลือกที่จะปฏิบัติ)

ไม่ว่าลูกศิษย์และศรัทธาประชาชนทุกชนชั้น ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีไปจนถึงระดับคนรากหญ้า สิ่งหนึ่งที่อยากกล่าวถึงซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เป็นโรคบ้าทุกชนิดที่มีความมุ่งหวังต้องการมาพบกับหลวงพ่อเพื่อให้ท่านช่วยรักษาตัวให้หายจากอาการของโรคบ้า หลังจากหายดีแล้วแต่เขาเหล่านั้นไม่มีเงิน ท่านยังให้ความเมตตาเหมือนเดิมด้วยการช่วยสงเคราะห์ค่ารถให้กลับบ้านไปหาครอบครัวและใช้ชีวิตอย่างเป็นปรกติสุขเหมือนเดิม

ท่านสร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ท่านเป็นพระสงฆ์อันเป็นที่รักยิ่งของทุกคน คุณงามความดีของหลวงพ่อท่านไม่เคยตายจากและจะเป็นอมตะในความทรงจำของเราเสมอ นี่คือหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่เราเรียกท่านคือ ” เทพเจ้าแห่งความเมตตา ”

เครื่องรางของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในภาคเหนือ และมีประสบการณ์ความศักดิ์เข้มขลังก็คือ “ตะกรุด” ซึ่งมีหลายชนิด เช่น ตะกรุด 5 ดอก,9 ดอก,108 ดอก,ตะกรุด จำปาสี่ต้น,ตะกรุดคลอดลูกง่าย,ตะกรุดแหนบใบพลู และสีผึ้งน้ำมนต์ ,ชานหมาก และเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปี2506

นอกจากนี้ ท่านยังมีความเชี่ยวชาญในเรื่องรักษาไข้และโหราศาสตร์ รวมทั้งมีพรพิเศษอีกประการหนึ่งคือ ท่านสามารถนั่งเทียนสะเดาะเคราะห์ เทียนให้โชคลาภ หรือนั่งเทียนเพื่อให้ชนะคดีความยามขึ้นโรงขึ้นศาล และในเรื่องอื่นๆ

วาระสุดท้ายแห่งชีวิต ครูบาวังได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2516 เวลา 24.00 น. ณ โรงพยาบาลกำแพงเพชร ด้วยวัย 82 ปี พรรษาที่ 62 โดยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านเด่น 56 พรรษา

ติดตามเราช่องทางอื่นได้ที่

Website www.Kidnan.com

Websitewww.Gejithai.com

Facebook เรื่องเล่าชาวสยาม

แหล่งที่มา sittmekru,khamkhoon3636

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า