ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่อมีพระเณรเข้ามาสมทบกับหลวงปู่มั่นมากขึ้น ท่านจึงมอบหมายให้ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ตื้อ อจล หลวงปู่แหวน หลวงปู่เกตุ และตาผ้าขาวสียา คนบ้านแม่กอย
แล้วออกเดินทางล่วงหน้าไป สำรวจสถานที่ดอยหลวงเชียงดาว องค์ท่านบอกให้รออยู่ที่นั่นจนกว่าท่านจะพาหมู่คณะตามไปสมทบ เมื่อถึงที่หมายระหว่างพักรอคณะขององค์ท่านหลวงปู่มั่นที่ดอยหลวงเชียงดาว
หลวงปู่ตื้อท่านชวนหมู่คณะเข้าไปสำร วจภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่เชิงดอยหลวงเชียงดาว ถ้ำแห่งนี้หลวงปู่ชอบท่านเข้าไปสำรวจมาก่อน ท่านกับหลวงปู่แหวน หลวงปู่เกตุ จึงปฏิเสธที่จะเข้าไปสำรวจถ้ำกับหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ตื้อท่านจึงเข้าไปสำรวจ ภายในถ้ำมืดเพียงลำพังองค์เดียว
หลวงปู่ตื้อท่านเข้าไปในถ้ำ นานหลายชั่วโมง ตอนบ่ายท่านก็ออกมาจาก ถ้ำในสภาพเนื้อตัวเปื้อนโคลนดิน หลวงปู่ตื้อท่านบอกถ้ำมืดสลับซับซ้อนมาก ใน ถ้ำ มีพระพุทธรูปและข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณกระจายอยู่ทั่ว ภูมิยักษ์ที่รักษาสมบัติก็ดุเอาการ หยิบจับอะไรขึ้นมาดูก็แสดงกิริยาไม่เป็นมิตรด้วย
ในถ้ำมีงูอาศัยอยู่มาก เวลาเดินต้องระวังจะเดินไปเหยียบงู หลวงปู่ตื้อท่านไม่ค่อยถูกกับงูเงี้ยวเขี้ยวขอ พอเจองูมากๆ ท่านจึงออกจากถ้ำ
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เล่าถึงอุปนิสัยโลดโผนของหลวงปู่ตื้อให้ฟังว่า หลวงปู่ตื้อท่านเป็นพระที่ผีสางเทวดาอันธพาลกลัวท่านมาก ผีฟ้าป่าเขาที่ไหนว่าดุๆ เฮี้ยนๆ พอเจอหลวงปู่ตื้อแล้วเป็นต้องแตกกระเจิงฃ
หลวงปู่ตื้อท่านไม่เกรงกลัวในอำนาจของพวกมิติมืด แต่ถ้าเป็นงูท่านจะไม่เข้าใกล้ หลวงปู่ชอบเคยถามท่านว่า อาจารย์ตื้อกลัวงูหรือจึงไม่กล้าจับงู หลวงปู่ตื้อบอกท่านไม่ได้กลัวงู ท่านว่าเวลาจับหรือสัมผัสกับงูท่านจะเกิดอาการเดียมมือ (จั๊กกะจี่มือ)
ไม่จำเป็น ท่านจะไม่จับหรือสัมผัสกับตัวงู ท่านว่าต่างกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่แหวนถ้าเจองูท่านจะจับมาดูเฉย หลวงปู่แหวนกับหลวงปู่ตื้อท่านจึงมักจะเที่ยววิเวกด้วยกัน ถ้าที่ไหนมีงูมากวน หลวงปู่แหวนท่านจะจับงูไปปล่อยได้ แต่ถ้าที่ไหนมีผีสางมารบกวนหลวงปู่ตื้อท่านจะเป็นผู้ กำราบให้เอง
ท่านว่าสมัยก่อนตอนเป็นพระหนุ่มเที่ยววิเวกอยู่ทางภาคเหนือ ถ้าเห็นหลวงปู่ตื้อที่ไหน ก็จะเห็นหลวงปู่แหวนอยู่ที่นั่น เว้นแต่ท่านทั้งสองจะแยกกันไปจำพ รรษายังสถานที่แห่งอื่น พอออกพรรษาแล้ว ท่านก็จะกลับมาหากันเหมือนเดิม
จนองค์ท่านหลวงปู่มั่นพูดหยอกชมเชยหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน ว่า “คู่ธรรม งัวงามคู่”
หลังจากพากันทำที่ พักให้องค์ท่านหลวงปู่มั่นเสร็จได้ประมาณสามสี่วัน หลวงปู่มั่นท่านก็พาลูกศิษย์ตามมาสมทบ องค์ท่านถามว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลวงปู่ตื้อกราบเรียนองค์ท่านว่า สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การปฏิบัติขอรับ
เทพภูมิที่นี่ก็เป็นมิตรกับพระเณรดี เว้นแต่ภูมิยักษ์รักษาสมบัติเท่านั้นเขาไม่ค่อยเป็นมิตรกับพระเณรเท่าไหร่ เพราะเคยมีพระเณรมาเอาสมบัติที่เขารักษาออกไปจา กถ้ำ ภูมิยักษ์รักษาถ้ำเขาจึงไม่ค่อยเป็นมิตรกับพระเณรเรา เขาจะคอยตำหนิเพ่งโทษ เพราะเกรงว่าพวกเราจะพากันมาขนเอาสมบัติที่เขาเฝ้ารักษาออกไปจากที่นี่อีก
องค์หลวงปู่มั่นจึงเตือนลูกศิษย์ให้พากั นสำรวมในศีลสิกขาของตน อย่าพากันหาญคะนองลองประมาทในสถานที่เป็นอันขาด ท่านสั่งห้ามพระเณรไม่ให้ไปแตะต้องของสงวนที่พวกเทพภูมิเขารักษา ให้พากัน ทำค วามเพียรเดินจงกรมภาวนาแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ให้ได้รับความผาสุกใจในธรรม
เรื่องภายนอกนั้นให้พระเณรปฏิบัติไปตามหน้าที่ของตน ส่วนเรื่องภายในนั้นองค์ท่านจะเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการปฏิบัติต่อสถานที่ด้วยองค์ท่านเอง.. ”
” หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเล่าให้ฟังว่า ที่ดอยเชียงดาวในสมัยอดีต มีฤๅษีชีไพรพากันมาพัก บำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่มากมายหลายท่าน ในอดีตชาติของท่านก่อนพุทธกาล ท่านกับหลวงปู่ตื้อผู้เป็นสหายธรรมเคยเป็นฤๅษี มุนีไพรบำเพ็ญเพียรที่ดอยเชียงดาวด้วยกันมาก่อน ผลบุญผลานิสงส์ของการ บำเพ็ ญเพียรในชาตินั้นส่งผลให้ท่านทั้งสองได้มาเกิดในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดม
ชาตินั้นท่านทั้งสองบวชเป็นพระภิกษุสมัยต้นพระศาสนาทันพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
แต่ด้วยอินทรีย์บารมีธรรมของท่านทั้งสองยังอ่อนอยู่ ต่อมาต่างก็พากันลาสิกขาออกมาครองเรือนเป็นฆราวาส ในชาตินั้นหลวงปู่ชอบท่านตายตอนอายุสามสิบกว่าปี.. “