หลวงพ่อชิน หรือ พระอธิการชิน เดิมชื่อ ชิน นามสกุล บุญงาม เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2452 ที่ ต.หนองตาพต อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
เมื่ออายุครบบวชหลวงพ่อชิน ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ ณ พัทธสีมา วัดโตนดหลวง โดยมี พระครูพินิจสุตคุณ (ทองศุข) วัดโตนดหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนพระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ ไม่ปรากฏหลักฐานบันทึกไว้
ท่านได้ศึกษาพระธรรม ประกอบกับศึกษาด้านวิปัสสนาธุระและไสยเวทย์จากหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ของท่านเอง
ต่อมาหลวงพ่อชิน ได้เสียสละอุทิศตนให้กับร่มกาสาวพักตร์ โดยการช่วยเหลือมวลมนุษย์ ชาวบ้านและผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ตกละกรรมลำบาก ผู้ใดที่เดือนร้อนมาขอพึ่งบารมีของหลวงพ่อชิน ไม่มีที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก อาหารการกิน เจ็บไข้ได้ป่วย หลวงพ่อชินได้บรรเทาทุกข์ให้กับผู้ที่มาของความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะยากดีมีจน หลวงพ่อชินให้ความช่วยเหลือเสมอภาคกันตลอด
หลวงพ่อชิน ท่านไม่เคยขัดเขิน จึงเป็นที่เคารพ นับถือ ศรัทธา เลื่อมใส ของชาวอำเภอท่ายางเป็นอย่างยิ่ง ชาวอำเภอท่ายางส่วนใหญ่บอกกันเป็นเสียงเดียวว่า “สมกับเป็นหน่อเนื้อนาบุญขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยแท้”
อิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ ท่านได้รับการกล่าวขานถึงวันนี้ โดย “ลุงล้อม มากรุ่ง” หนึ่งในลูกศิษย์เล่าว่า ช่วงที่หลวงพ่อชินมาอยู่ที่วัดท่าขามใหม่ๆ เกิดโรคฝีดาษระบาดหนักในหมู่บ้านท่าขาม ท่าต้นโพธิ์ และวังขุนด่าน มีชาวบ้านป่วยโรคนี้กันมาก แต่หลวงพ่อชินรักษาหายขาดทุกคน
ด้วยการลงคาถาที่เล็บมือ และท่านเคยช่วยชีวิต หมอบ่าย หมอแผนโบราณอยู่หลังโรงเรียนบ้านท่าลาว สมัยเด็กถูกสุนัขบ้ากัด เกิดนึกถึงหลวงพ่อชิน ท่านก็มาช่วยถึงบ้านท่ามกลางความงุนงงของญาติพี่น้องว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ท่านบอกว่า “ถ้าสุนัขตายมึงรอด ถ้าสุนัขรอดมึงตาย” จากนั้นท่านก็ท่องคาถาเป่าที่แผล ภายหลังสุนัขบ้าตาย หมอบ่ายรอดชีวิต ซึ่งต่อมาทั้งลุงบ่ายและลุงล้อมล้วนมีอายุยืนเกือบร้อยปีทั้ง ๒ คน
“นางบัวเผื่อน” เล่าว่า สมัยก่อนแม่เป็นฝีที่นมปวดมาก ไปหาหลวงพ่อชินที่วัด ท่านเอามีดหมอกรีดอากาศเบาๆ ฝีแตกหนองทะลักหายปวดและแผลก็หายไปสุดอัศจรรย์
“นายเสนาะ อยู่ฉิม” ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑ ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนกลับจากฟังพระสวดศพที่วัดเขากระจิว เพื่อนเมาขี่รถพุ่งประสานงารถพ่วง ๑๘ ล้อตายคาที่ ส่วนนายเสนาะสลบเหมือด ถูกส่งโรงพยาบาลไม่เป็นอะไรเลย พอฟื้นแพทย์ให้กลับบ้านได้ ในคอห้อยเหรียญหลวงพ่อชินรุ่นแรกองค์เดียว
“นายตุ่น สระแก้ว” อยู่บ้านวังขุนด่าน ไปช็อตปลากับพวกในแม่น้ำเพชรบุรี ไฟฟ้ารั่วดูดจมน้ำนานเป็นชั่วโมง เพื่อนไปเห็นช่วยขึ้นฝั่งรอดตายเหลือเชื่อ เจ้าตัวเล่าว่า ตอนนั้นระลึกถึงหลวงพ่อชิน รู้สึกเหมือนอมเหรียญหลวงพ่อชินรุ่นแรกไว้ในปากและหายใจใน น้ำไ ด้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่เช่นนั้นคงตายไปแล้ว
“นายทองเพียร หรั่งวัตร” อยู่บ้านต้นโพธิ์ ไปห้ามวัยรุ่นตีกันที่โรงเรียนวัดท่าขาม ถูกจ่อยิงด้วยปืน ๑๑ มม. ถึง ๒ กระบอก แต่ปืนขัดลำกล้องยิงไม่ออก ในคอคล้องรูปหล่อหลวงพ่อชินเพียงองค์เดียวเท่านั้น
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และปาฏิหาริย์นี้ ทำให้วัดเกษมสุทธาราม (วัดท่าขาม) อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนในท้องถิ่นและใกล้เคียง ชาวบ้านมักไปกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อชินเป็นประจำ
ต่อมาได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดท่าขาม อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี อนึ่ง ลูกศิษย์คนหนึ่งชาวอำเภอท่ายางรู้ดีว่า หลวงพ่อชินได้ศึกษาวิชาพุทธาคมและไสยเวทย์กับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อชินเคยบอกกับศิษย์คนนี้ว่า “เราจะนั่งสมาธิ ห้ามใครรบกวน ถ้าภายใน 3 วัน โดยประมาณ หากมีธุระจำเป็นหรือนานกว่า 3 วัน ให้เข้าไปจับที่ปลายหัวแม่เท้า ท่านถึงจะออกฌานได้”
แต่มีเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อมีลูกศิษย์คนหนึ่งสังเกตการณ์นั่งสมาธิของหลวงพ่อชินแล้ว ทำไมยังไม่ออกจากสมาธิเสียที ครบ 3 วันแล้ว เข้าวันที่ 4 จึงได้เข้าไปดูหลวงพ่อชินในกุฏิ
ด้วยความเป็นห่วง ทันใดนั้นลูกศิษย์คนนี้ลืมการสั่งของหลวงพ่อชิน ว่า “เราจะนั่งสมาธิ ห้ามใครรบกวน ถ้าภายใน 3 วัน โดยประมาณ หากมีธุระจำเป็นหรือนานกว่า 3 วัน ให้เข้าไปจับที่ปลายหัวแม่เท้า ท่านถึงจะออกฌานได้”
แต่ลูกศิษย์คนนี้ได้ไปเขย่าตัวหลวงพ่อชิน พร้อมทั้งเรียกชื่อท่าน เมื่อเขย่าตัวเรียกได้สักพักก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างไร บรรดาลูกศิษย์คนอื่น ๆ ต่างเข้ามาดูปรากฏว่า หลวงพ่อชินท่านได้ละสังขารในท่านั่งสมาธิไปเสียแล้ว ยังนำม าซึ่งความเศร้าโศกเสียใจแก่ชาวอำเภอท่ายางยิ่ง บ้าก็กล่าวโทษกับศิษย์คนนี้ที่ขัดคำสั่งของหลวงพ่อ บ้างก็ว่าท่านหมดอายุขัยโดยตามกฎแห่งกรรมของชีวิต