พ.ศ. ๒๔๘๐ ปลายปี หลวงพ่อจันทร์ได้ขอร้องให้ข้าพเจ้าเดินทางเข้ากรุงเทพฯกับท่าน โดยท่านได้เอาจดหมายจากวัดราชบพิธฯในนาม คณะกรรมการจัดการหล่อรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ มานิมนต์ท่านไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดนั้น
ท่านบอกกับข้าพเจ้าว่า ท่านอาจารย์(หลวงพ่อเดิม) ได้รับนิมนต์ด้วยเหมือนกัน และได้เรียกท่านไปที่วัดหนองโพ พร้อมทั้งฝากให้ช่วยเรียนพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และคณะกรรมการด้วยว่า ท่านเป็นพระบ้านนอกไม่ค่อยจะถนัดในการจะลงไปกรุงเทพฯ
ขอส่งแผ่นฝาบาตร ลงอักขระไปร่วมหล่อรูป และวัตถุมงคลด้วย เพื่อแสดงความคารวะต่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้าที่ได้ทรงสิ้นชีพิตักษัยไปแล้วนั้น
หลวงพ่อจันทร์ท่านจึงได้นำเอาตะกรุดฝาบาตร ติดตัวลงไป ข้าพเจ้าจึงติดตามหลวงพ่อจันทร์ลงมากรุงเทพฯเพื่อร่วมงานพุทธาภิเษกที่วัดราชบพิธฯในครั้งนั้น วันงานมาถึง (วันที่ และเดือนข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว) ถึงรอบของหลวงพ่อจันทร์เข้านั่งปรก
ข้าพเจ้าถือย่ามตามเข้าไปส่ง บรรยากาศในพิธีนั้นเยือกเย็น คณะกรรมการได้ให้ตำรวจ และสารวัตรทหารเข้ามารักษาการเพื่อไม่ให้มีการเฮละโลเข้าไปกวนใจพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธี
การเข้าออกของพระเกจิอาจารย์นั้นจะให้เข้าออกทางประตูที่จัดเอาไว้ให้เป็นพิเศษ หาไม่แล้วท่านจะได้รับความลำบากมาก
หลวงพ่อจันทร์ได้นำเ อาตะกรุดฝาบาตรของหลวงพ่อเดิมหย่อนลงไปในเบ้าหลอมด้วย
จากนั้นจึงเข้าไปนั่งปรก เวลาล่วงเลยไปจนถึงเย็น ก็ครบรอบที่หลวงพ่อจันทร์จะออกจากการนั่งปรก พลันก็มีเสียงเอะอะ ภายนอกว่า “ในเบ้าหลอมมีตะกรุดดอกหนึ่งไม่ยอมละลาย ช่างทองได้พยายามเขี่ยแล้วเขี่ยอีกน่าหนักใจ เป็นตะกรุดฝาบาตรเสียด้วย พระอาจารย์หลายๆองค์ได้ให้ลูกศิษย์ไปดูตะกรุดก็ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ
หลวงพ่อจันทร์ดูเหมือนจะนึกได้ จึงชวนข้าพเจ้าออกไปดู ที่เบ้าหลอมอันร้อนแรงนั้นเอง เมื่อมองลงไปก็เห็นตะกรุดฝาบาตรดอกที่หลวงพ่อจันทร์ใส่ลงไปลอยฟ่องอยู่
หลวงพ่อจันทร์จำไ ด้แม่นยำเพราะที่มุมของตะกรุดมีรอยตัดบนมุม ทั้งยังมองเห็นรอยจารย์อักขระ และตาตารางที่กดจารย์จนนูนออกมาได้ชัด หลวงพ่อจันทร์ถึงกับอุทานออกมาว่า
“พระคุณอาจารย์ กระผมมิได้บอกกล่าว” ท่านได้ให้ช่างทอง เอาเครื่องมือคีบเอาตะกรุดขึ้นมาเหนือเบ้าโลหะที่หลอมอ
ยู่ ข้าพเจ้าเห็นท่านนั่งลงบนพื้นก้มกราบลงไปตรงหน้าเบ้าหลอม ด้วยอาการอันเคารพ ท่านพึมพำ สักครู่หนึ่งจึงให้ช่างสุมทองปล่อยตะกรุดลงไปในเนื้อทอง ข้าพเจ้าชะโงกมองขนลุกซุ่ ตะกรุดฝาบาตรดอกนั้น ยุบตัวแวบเหมือนกระดาษถูกไฟเผารวมกับเนื้อทองในทันทีทันใด