ต้นตำรับแห่ง เข็มทองคนองฤทธิ์ หลวงปู่พิมพ์มาลัย วัดหุบมะกล่ำ

วิชาเข็มทองที่กล่าวถึงอย่าเพิ่งคิดว่า เป็นการฝังเข็มเพื่อรักษาโรคอย่างชาวจีนโพ้นทะเล เขาทำกัน แต่เป็นวิชาไสยศาสตร์สาขาหนึ่ง ที่มีอานุภาพอเนกประการ ท่านมีนามว่า หลวงปู่พิมพ์มาลัย แห่งวัดหุบมะกล่ำ

ปรามาจารย์ วิชาเข็มทองคนองฤทธิ์ แห่งสยามยุค รัตนโกสินทร์ วัดหุบมะกล่ำตั้งอยู่บ้านหนองรี ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม

วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่จะมีมาแต่ครั้งสมัยอยุธยาหรือไม่นั้นยังไม่พบหลักฐาน บรรดาโบราณวัตถุที่ พบก็บอกหลักฐานเพียงว่าสมัยรัตนโกสินทร์แต่วัดนี้นับว่าน่าจะก่อตั้งมานานกว่า เพราะพบตำราสรรพวิชาสาขาต่างๆมากมาย ทั้งที่เป็นภาษาขอมและมอญก็มีให้เห็นและที่มีอายุนานนับร้อยปีก็หลายเล่ม

หลวงปู่พิมพ์ (มาลัย) พื้นเพท่านเป็นคนหนองรีโดยกำเนิด โยมบิดาชื่อว่า พา โยมมารดาชื่อ อ่วม เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรีท่านเกิดในสกุล มาลัย ประมาณ พ.ศ.2441 ที่บ้านหนองรีนี่เอง ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 5 คน

ท่านได้เข้าเป็นทหารรับใช้ชาติในหน่วยเสนารักษ์ในจังหวัดราชบุรี และอยู่ต่อเรื่อยมาจนประมาณ๖ปีก็เกิดเบื่อหน่ายในฆารวาสวิสัย ชะรอยจะเป็นบารมีที่ท่าน สร้างสมมาในอดีตจึงมีวาสนากับผ้ากาสาวพัสตร์ นิยมในเพศบรรพชิตจึงลาออกจากทหาร มาอุปสมบทที่วัดตโหนดหลวง จังหวัดเพชรบุรี

โดยมี พระอาจารย์แช่ม วัดบางนาเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปูทองศุข อินทโชโต วัดตโหนดหลวง(พระเถระรูปนี้ท่านเป็นผู้ทรงวิทยาคมที่ยิ่งยงมากท่านหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจา เมื่ออุปสมบทแล้ว พระอุปัชฌาย์ให้ฉายาว่า มาลโย

หลวงปู่พิมพ์ได้ ร่ำเรียนพระวินัย และปริยัติตามแนวทางแห่ง พระพุทธศาสนาอย่างคร่ำเคร่ง แล้วท่านยังได้รับความเมตตาถ่ายทอด วิชาไสยเวทย์จากหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวง

ซึ่งถือว่าเป็นพระคณาจารย์ ที่มีชื่อเสียงและบารมีมากรูปหนึ่งในสยามขณะนั้น
ถึงขนาดมีการร่ำ ลือว่าผู้ที่มีบุญบารมีสูงยิ่งของประเทศในขณะนั้น ยังมาฝากตัวเป็นศิษย์ จนเป็นตำนานเล่าขานกันมาถึงปัจจุบัน

อาจเป็นเหตุที่หลวงปู่พิมพ์ ท่านมีศักดิ์เป็นหลานสนิทของหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนหลวง โดยที่โยมมารดา ของท่านเป็นพี่สาวหลวงปู่ทองศุข จึงทำให้ท่านได้รับความเมตตามากเป็นพิเศษ

ท่านหลวงปู่พิมพ์ แม้จะมีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่ทองศุขท่าน ก็ไม่ถือดีกลับตั้งมั่นมุ่งมานะฝึกฝนเล่าเรียนสรรพวิชาที่ หลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวง เมตตาสั่งสอนให้โดยไม่ปิดบังอำพราง

ด้วยความวิริยะ และบุญบารมี ที่ท่านหลวงปูพิมพ์ สั่งสมมาในอดีต ไม่นานท่านก็สำ เร็จวิชาต่างๆทำได้เข้มขลังจนเป็นที่ไว้วางใจ ของหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวง ขนาดให้หลวงปู่พิมพ์ เป็นอาจารย์สักยันต์ครู หลวงปู่ทองศุข

จนรวบรวมปัจจัยก่อสร้างกุฏิ วัดตโหนดหลวงได้ถึงสองหลัง (พ.ศ.2481) นับว่าท่านหลวงปู่พิมพ์เป็นผู้หนึ่ง ที่สำเร็จวิทยาคมในตำหรับ หลวงปู่ทองศุข โดยหลวงปู่ทองศุข เอง เป็นผู้ให้ความไว้วางใจ

หลังจากที่ท่านได้สำเร็จวิทยาคุณในสายหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวงแล้ว ท่านยังเป็นผู้ใฝ่การศึกษาก็ขวนขวายหา พระอาจารย์องค์อื่นๆเพื่อร่ำเรียนวิทยาคมต่อไป ในสมัยนั้นมีพระเถระรูปหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีที่ยิ่งยง ด้วยวิทยาคมที่แปลกประหลาด หาวิทยาคมสายใดจะเทียบเคียงได้ยาก

ด้วยวิทยาคุณ ที่ประสิทธิให้ศิษย์ มีความพิศดาร และเป็นลักษณะเฉพาะและเป็นวิชาสูงสุดทางไสยเวทสยาม แขนงหนึ่ง นั่นคือวิชาฝังเข็มทองคนองฤทธิ์นั่นเอง พระเกจิอาจารย์รูปนี้ ชื่อพระอาจารย์สมพงษ์ วัดหนองไม้เหลือง จังหวัดเพชรบุรี ในสมัยนั้นมี ผู้มาฝากตัวเรียนวิชาเข็มทองนี้ กับพระอาจารย์สมพงษ์กันเป็นจำนวนมาก

แต่หาผู้ที่สำเร็จยากมาก เพราะต้องมีมานะบากบั่นทำจริง ฝึกกันจริงๆจึงจะสำเร็จได้ การฝังเข็มเป็นไสยเวท ที่มีมาช้านาน และเป็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น การฝังเข็มนี่มีหลายตำรา ว่ากันทั้งเข็มเย็บผ้า เข็มสามกษัตริย์ เข็มสัตตะโลหะ แต่มักเป็นเข็ม ต า ย คือฝังแล้วอยู่กับที่แบบฝังตะกรุด กับหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ เมืองโคราช

แต่วิชาที่หลวงปู่พิมพ์ที่ท่านเรียน กับพระอาจารย์สมพงษ์นี้พิสดารกว่าครับ คือหากทำสำเร็จแล้วเข็มทองคำ ที่ประจุอาคมเมื่อฝังผ่านชั้นหนังจะแสดงอิทธิคุณ เหมือนมีชีวิตพลิกตัวระเบิดเนื้อด้วยอำนาจอาคม ไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ผู้ฝังได้โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ เข็มนี้ไปได้ทั่วตัวเว้น ตากับหัวใจ ที่ลงอาคมกรึงไว้ อย่างแน่นหนา และเป็นเคล็ดสำคัญที่วิทยาคมสำนักอื่น มิอาจถอดถอนได้เลย

เรื่องเข็มที่วิ่งไปได้ทั่วตัวนี่ไม่ใช่เรื่องที่คุยกันเล่นๆ มีหลักฐานที่เป็นประจักษ์พยานโดยการถ่ายพิมพ์เอกเรย์มาแล้ว และผู้ที่ฝังเข็มหาก ถือองค์ภาวนาได้ จะสามารถเรียกเข็มทอง ให้ระเบิดเนื้อไปที่ส่วนใดๆของร่างกายโดยไม่เป็นอันตรายได้ เป็นความมหัศจรรย์อย่างเอกอุ ของวิทยาคมสายนี้ ส่วนอานุภาพของเข็มทอง

เมื่อแสดงอิทธิฤทธิให้ประจักษ์ขนาดนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิเศษขนาดไหน เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เมื่อท่านหลวงปู่พิมพ์ได้รับ การถ่ายทอดวิชามาจากพระอาจารย์สมพงษ์ แล้วท่านต้องออกธุดงค์ เพื่อหาที่สงัดบำเพ็ญจิตให้เกิดอานุภาพ

จึงจะสำเร็จวิชานี้ได้เพราะวิชานี้ หากพลังจิตไม่เข้มแข็ง อย่างเอกอุสุดยอดแล้ว จะไม่สามารถทำให้เข็มที่ฝังแสดงอานุภาพได้เลย การฝึกฝนผู้เรียนต้องเพียรภาวนา ตามเคล็ดวิชาจนจิต มีกำลังเข้มแข็ง จึงจะทำให้เข็มทอง ที่เสกในน้ำมันงา ลอยขึ้นมาได้จึงจะถือว่าสำเร็จและ เข็มที่ประจุอาคมจนสำเร็จแล้ว

จะมี สภาพเป็นทิพย์เดินเหินไปมาเองได้เป็นอัศจรรย์ เล่ามาถึงตรงนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่า จริงทุกคำและพิสูจน์ได้ด้วย หลวงปู่พิมพ์ฝึกฝนวิชาเข็มจนเชี่ยวชาญ ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว

ผลแห่งความพากเพียรของท่าน ขนาดพระอาจารย์สมพงษ์ วัดหนองไม้เหลือง ผู้ประสิทธิวิชาเข็มทองให้ยังยกย่องท่านว่า ทำได้ดีกว่าอาจารย์เสียอีก หลังจากสำเร็จ วิชาเข็มทอง ท่านหลวงปู่พิมพ์ได้ธุดงค์ เพื่อฝึกฝนจิตให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ในดินแดนกระเหรี่ยงถึง 17 ปี จนพูดภาษากระเหรี่ยงได้

เรียกว่านานพอสมควรทีเดียว ในระหว่างการเดินธุดงค์ ก็คงเหมือนพระรุกขมูลท่านอื่นๆ มีเรื่องพิสดารเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งท่านก็มิได้โอ้อวดเพียงเล่าให้หมู่ศิษย์ที่ใกล้ชิดฟัง เพื่อประดับสติปัญญาเท่านั้น

คราวหนึ่งท่านธุดงค์ไปบ้านทัพใต้ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับอาราธนาจากชาวบ้านท่านได้สร้างวัดขึ้น ในเวลาไม่นานโดยการสนับสนุนของโยม ฉลอง วุฒิวัฒน์ และนายจุรินทร์ ล่ำซำ คหบดีผู้ใจบุญชาวพระนคร และให้ชื่อวัดนั้นว่า วัดมาลัยทับใต้

ท่านหลวงปู่พิมพ์ธุดงค์เรื่อยมาจนราวพ.ศ.2502 โยมมารดาท่านป่วย ท่านจึงขึ้นจากวัดมาลัย เพื่อดูแล โยมมารดาท่านที่บ้านหนองรี ในช่วงนั้นพอดีวัดหุบมะกล่ำ กำลังทรุดโทรมอย่างหนัก ไม่ว่าโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ เสนาสนะและถาวรวัตถุอื่นๆ เกือบจะหาชิ้นดีแทบไม่ได้

มีหลวงตาแก่ๆชื่อหลวงตาปิ้น ปัญญาพโล(โยมตาพระอาจารย์ป้อมวัดหนองม่วง อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านหุบมะกล่ำ)องค์เดียวเท่านั้น ยิ่งทำอะไรไม่ได้มากคงปล่อยตามยถากรรม

ความที่ท่านเป็นเกลอเก่ากับหลวงตาปิ้น และเพื่ออยู่ดูแลโยมมารดาท่าน ท่านจึงปลงใจบูรณะวัดหุบมะกล่ำแต่นั้นมา การที่ท่านธุดงค์ไปเสียนานช่วงแรกๆ
จึงยังไม่มีศรัทธาจากชาวบ้านมาช่วยเท่าไรนัก

ทำให้การบูรณะเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่านก็ไม่ย่อท้อด้วยความเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวจริงจัง เรื่องนี้ศิษย์ที่ทันหลวงปู่จะทราบดีทุกคน แววตาของท่านคมกล้ามากไม่เคยมีใครกล้าสบตาท่านแม้สักคนเดียว ไม่มีเลยจริงๆ ท่านลงมือบูรณะทุกอย่างเอง ด้วยตัวท่านใครจะช่วยหรือไม่ ท่านหาใส่ใจไม่ ท่านใช้การกระทำเป็นสิ่งพิสูจน์ความจริงใจ

ชาวบ้านเมื่อเริ่มเห็นก็ค่อยๆ เข้ามาช่วยเหลือ คนละไม้คนละมือ วัดหุบมะกล่ำจึงค่อยๆฟื้นคืน สภาพเจริญขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

หลวงปู่ท่านได้ละสังขาร เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2519 สิริรวมอายุได้ 78 ปีคงทิ้งไว้แต่คุณความดีและตำนานเข็มทองคะนองฤทธิ์ สุดยอดตันตระแห่งสยาม ให้เป็นที่กล่าวขานแก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป

บรรดานักเลงหรือคนสู้คนในสมัยนั้น ต่างยอมรับนับถือในอิทธิบารมี ความศักดิ์สิทธิ์แห่ง วิชาเข็มทองคะนองฤทธิ์ ถ้วนทั่วทุกตัวคน เพราะต่างมีประสบการณ์ชนิดฉกาจฉกรรณ์ อย่างไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใด จะทำได้เสมอเหมือน ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่พิมพ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า