สองทายาทธรมขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
เขียนบันทึกโดย อดีตครูบากล้วย – พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท
“เ ป ร ต พระนุ่งผ้าถุง”
เรื่องนี้เป็นเรื่องเตือนใจในเรื่องพระธรรมวินัย
ผู้เขียน (อดีตครูบากล้วย – พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท)
ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้จากประสบการณ์เที่ยววิเวกของศิษย์ผู้พี่
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร กับ หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
ที่ศิษย์ผู้พี่ทั้งสองท่านพบเจอกับภูมิลึกลับ…
หลวงพ่อสมศรีเล่าให้ฟังว่า หลังออกพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๑๑
พรรษาที่สามของท่าน องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม บอก
หลวงปู่จันทร์เรียนให้พาหลวงพ่อสมศรีออกฝึกหัดเที่ยววิเวกภาวนา
หลวงปู่จันทร์เรียนท่านได้พาหลวงพ่อสมศรี
และสามเณรอีกสองรูปออกเที่ยววิเวกมาทางเขตอำเภอภูเรือ-ด่านซ้าย
หลวงพ่อสมศรีท่านบอกตอนพักอยู่บ้านโคกงาม อำเภอด่านซ้าย
หลวงปู่จันทร์เรียนชวนท่านไปเยี่ยมญาติคนบ้านหนองบัวบาน
ที่มาแต่งงานมีสามีอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ทางตำบลนาหอ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
หลวงปู่จันทร์เรียนพาท่านกับสามเณรอีกสองรูปเดินลัดภูเขาจากบ้านโคกงาม
มาถึงเขตตำบลนาหอเวลาพลบค่ำ แล้วไปพักที่วัดร้างแห่งหนึ่ง
กลางคืนราวสองทุ่มหลวงพ่อสมศรีท่านได้ยินเสียงผู้ชาย
เดินร้องไห้ผ่านที่พักของท่านไปทางที่หลวงปู่จันทร์เรียนพักภาวนาอยู่
เสียงผู้ชายร้องไห้มาหยุดเงียบตรงที่พักของหลวงปู่จันทร์เรียน
ตกดึกหลวงพ่อสมศรีท่านได้ยินเสียงผู้ชายร้องไห้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วเงียบหายไปทางด้านหลังวัด
ตอนเช้าหลวงปู่จันทร์เรียนเล่าให้หลวงพ่อสมศรีฟังว่า
ศรี เมื่อคืนนี้มีเ ป ร ต พระองค์หนึ่งร้องไห้มาหาเรา
เ ป ร ต พระองค์นี้นุ่งอังสะเหมือนกับพระเณรเราทั่วไป
แต่ข้างล่างนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุงลายดอกแบบผู้หญิง
หลวงปู่จันทร์เรียนท่านพิจารณาถึงบุพกรรมที่มาของเ ป ร ต พระตนนี้
เ ป ร ต พระนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุงตนนี้ เมื่อสมัยบวชอยู่
เคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดร้างแห่งนี้มาก่อน
ตอนสมัยบวชมักประพฤติผิดพระวินัยอาบัติ “ปาจิตตีย์” อยู่เป็นอาจิณ
มีจิตลามกเจ้าชู้ ชอบพูดจาเกี้ยวพาราหญิงสาวด้วยใจกำหนัด
กิเลสพาคิดเหมาเอาเองว่าเป็นอาบัติปาจิตตีย์ปลงแล้วจะหายได้
หารู้ไม่ว่าอาบัติปาจิตตีย์นี้เป็นอาบัติบาปทางจิตใจ
พอตายแล้วจิตติดคาในอาบัติที่ตนเองข้องอยู่กรรม
จึงส่งผลให้มาเกิดเป็นเ ป ร ต พระนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุง
(อาบัติปาจิตตีย์ แปลว่าบาปทางจิต
ภิกษุเมื่อต้องอาบัตินี้แล้วจะทำให้จิตเศร้าหมอง
อาบัติปาจิตตีย์มีทั้งหมด ๙๒ ข้อ อาบัติปาจิตตีย์เป็นอาบัติที่สละปลงได้
แต่ถ้ากลับมาประพฤติผิด ซ้ำซากโดยเจตนาเพราะคิดว่าผิดแล้วก็ปลงได้
องค์ท่านหลวงปู่ชอบเคยบอกเอาไว้มันจะเป็นบาปที่สละไม่หลุด
องค์ท่านบอกพระเราเป็นเ ป ร ต หรือตกนรกเพราะอาบัติปาจิตตีย์นี้
มากกว่าทุกอาบัติ องค์ท่านถึงสอนลูกศิษย์ให้พึงสังวร)
เ ป ร ต พระนุ่งผ้าถุงตนนี้มาแสดงตนร้องไห้
ขอให้หลวงปู่จันทร์เรียนช่วยเหลือสงเคราะห์
หลวงปู่จันทร์เรียนบอกกับเ ป ร ต พระตนนี้ว่า
เราไม่สามารถช่วยท่านได้ กรรมผิดธรรมผิดวินัยสงเคราะห์กันไม่ได้
ให้ยอมรับผลกรรมของตนเองเสีย เ ป ร ต พระนุ่งผ้าถุงพอรู้ว่า
หลวงปู่จันทร์เรียนสงเคราะห์ธรรมให้ตนเองพ้นกรรมไม่ได้
เ ป ร ต พระตนนี้จึงเดินร้องไห้ออกไปทางหลังวัด
หลวงพ่อสมศรีบอกวัดแห่งนี้ร้างพระเณรมาได้ร่วมปี
ก่อนที่หลวงปู่จันทร์เรียนจะพาท่านเข้ามาพัก
หลังจากเจ้าอาวาสรูปนี้มรณภาพไปแล้ว
พระเณรองค์อื่นๆ ก็พักอยู่ที่วัดแห่งนี้ไม่ได้
เนื่องจากถูกผีเ ป ร ต เจ้าอาวาสตนนี้รบกวน
แม้แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าวัดเพราะกลัวผีเจ้าอาวาส
วัดนี้จึงถูกทิ้งให้ร้างจนตราบเท่าทุกวันนี้…
หลวงพ่อสมศรี “พักอยู่วัดร้างคืนหนึ่ง บิณฑบาตฉันเช้า
เยี่ยมญาติพี่น้องกันแล้วอาจารย์จันทร์เรียนท่านพานั่งรถกรมทางหลวง
มาลงภูเรือ
อาจารย์จันทร์เรียนท่านพาไปพักอยู่ห อ ผี ปู่ ตา
บ้าน…(ขอสงวนชื่อ) บ้านนี่เขานับถือผีกันเป็นล่ำเป็นสัน พักอยู่หอผีปู่ตาคืนเดียว
อาจารย์จันทร์เรียนท่านใช้ฤทธิ์ปราบผีหอปู่ตาบ้านนี้
จนแตกกระเจิง ฤทธิ์ผีบ่สู้ฤทธิ์พระอริยะ”
หลวงพ่อสมศรีท่านเล่าไป ขำไปกับวิธีการปราบผีของหลวงปู่จันทร์เรียนศิษย์ผู้พี่
มือปราบมือโปรดขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ
ตนเองขำเรื่องที่หลวงพ่อสมศรี ธรรมศรีขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ
บอกหลวงปู่จันทร์เรียนท่านห ย อ กผี ท่านเข้าสมาธิกำหนดจิต
เหาะถือไม้ค้อนไล่ผีจนหนีกระเจิงป่าหอปู่ตาหมากค้อเขียว
จนหลวงพ่อสมศรีท่านอัศจรรย์พันลึกในฤทธิ์เดชของหลวงปู่จันทร์เรียนศิษย์ผู้พี่