สมเด็จโต พระมหาเถราจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านเป็นพระมหาเถระรูปสําคัญที่ได้รับความนิยมนับถืออย่างมากในประเทศไทย ท่านเคยดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ ๔-๕
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) นับเป็นพระเถราจารย์ผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส เป็นที่เคารพนับถือทั่วไปมาตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชน ด้วยปฏิปทาจริยาวัตรความสมถะอันโดดเด่นของท่านและคุณวิเศษอัศจรรย์ของท่านแล้วจึงทําให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยเคารพนับถือว่าท่านเป็นอมตะเถราจารย์รูปหนึ่งของเมืองไทย และมีผู้นับถือจำนวนมากในปัจจุบัน
สำหรับคนทั่วไปก็จะตีความหมายตามภูมิรู้ ภูมิธรรม ตามความหมายข้างต้น แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าองค์หลวงปู่ท่านมีปัญญาเลิศล้นกว่าหมู่คนทั้งปวง เราจึงได้รับรู้เรื่องราวเรื่องเล่าต่างๆเกี่ยวกับองค์ท่าน ในความปราดเปรื่องทางปัญญาอยู่เสมอๆ
หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน ท่าทางองค์หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี กําลังนั่งเหมือนท่าบริกรรม,เข้าฌาณสมาบัติหรือเหมือนชักรูปประคํา
โดยมีมือขวากำอยู่บนมือซ้าย ส่วนมือซ้ายนั้นกำอยู่ด้านล่างมือขวา หากพิจารณาดีๆก็เหมือนท่านั่งสมาธิโดยเอามือขวาวางทับมือซ้ายแล้วตั้งกายให้ตรงดำรงมั่นฯ เพียงแต่องค์ท่านยกมือขึ้นมาแล้วทําท่าทาง กำมืออยู่ระหว่าง “กลางทรวงอก”
องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ท่านเมตตาไขข้อสงสัยนี้ให้เหล่านักรบธรรมแห่งภูดานไหฟังว่า เมื่อเราประสพเรื่องราว เครื่องหมาย นิมิตใดๆ ให้ตีความหมายไปใน “ทางธรรม” เสมอ ครูบาอาจารย์ระดับนี้ ท่านไม่สื่ออะไรออกมาเป็นของง่ายของธรรมดาเป็นแน่ ความหมายพอสังเขปมีดังนี้
๑. มือขวาที่กำอยู่เบื้องบนมือซ้ายท่านเรียกว่า “กรรมบน” เปรียบเหมือน “ปาก”
๒. มือซ้ายที่กำอยู่ด้านล่างมือขวาท่านเรียกว่า “กรรมล่าง” เปรียบเหมือน “ท้อง”
๓. (ขออนุญาตเสริม) ท่าทางที่องค์ท่านยกมือทั้งสองขึ้นมาระหว่างกลางทรวงอกนั้น..
ขออนุญาตเรียกว่า “กรรมทั้งมวล” นั้นรวมสู่ที่ “ใจ”
สรุปว่า อันคนเราจะคิดจะทำสิ่งใดๆ ก็คิด ก็ทำไป “เพื่อปากเพื่อท้อง” ของตนเสมอกรรมทั้งมวลส่วนใหญ่จึงเกิดจากปากจากท้องของบุคคลนั้นๆจะต่อสู้ดิ้นรนแสวงหาทรัพย์สินเงินทองหน้าตายศฐาบรรดาศักดิ์ก็ทําไป “เพื่อปากเพื่อท้อง” จะโกงบ้านจะกินเมือง “ก็เพื่อปากเพื่อท้อง” องค์ครูบาอาจารย์ท่านว่ามาประมาณนี้