บารมีหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ทำให้ฝรั่งงง

หลวงพ่อจงชอบขึ้นนั่งบนเครื่องบินมาก ในส ง ค ร า ม อินโดจีนจนถึงมหาส ง ค ร า ม โลกครั้งที่สอง หลวงพ่อจงได้นั่งเครื่องบินนับเป็นร้อย ๆ ครั้ง เพราะท่านถูกนิมนต์ไปกระทำพิธีรดน้ำมนต์ ปัดรังควานบ่อยที่สุด

ไม่ว่าจะมีการเคลื่อนทัพบก เรือ อากาศ ไปสู่สมร ภู มิ ร บ ที่ใด ก่อนเดินทัพจะต้องมีพิธีทางศาสนาเป็นมิ่งมงคล บำรุงขวัญทหาร มีการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เจิมอาวุธกับพาหนะและอุปก ร ณ์ร บ บรรดาหลวงพ่อและเกจิอาจารย์อันเป็นที่เคารพศรัทธาในอัจฉริยะความเป็นอริยสงฆ์ต่างจะต้องถูกนิมนต์ไปร่วม กระทำพิธีอยู่อย่างไม่ควรขาด

หลวงพ่อจงเป็นสงฆ์ผู้มีบุคลิกเด่นดวง ลักษณะใบหน้าของท่านอิ่มเอิบ ดวงตาวาววับด้วยแสงเมตตาจิต ใครเห็นท่านจะรู้สึกเคารพรักและบังเกิดศรัทธาในวูบแรก แม้ว่าดวงหน้าท่าทีของท่านจะเฉยเมย แต่ปมเด่นทางเมตตาของท่านโผล่ผลุดดุจเป็นรัศมี รอบกาย

ปรากฏออกมาสะดุดความรู้สึกผู้พบเห็นเอง และยิ่งเมื่อผู้ใดได้เข้าใกล้ชิดด้วยพระคุณท่าน ก็จะประจักษ์ในอัธยาศัยและไมตรีที่ท่านหลั่งโอภาปราศรัยออกมาแล้ว ไม่เคยมีผู้ใดลืมเลือน

อัธยาศัยวิเศษของท่านจะเข้าซึมแทรกดวงจิตผู้ใกล้ชิดทันทีอย่างตราตรึงใจ
ทหารน้อยใหญ่ของสามกองทัพ ส่วนมากที่ได้เคยพบเห็นและเข้าหานมัสการหลวงพ่อจงในทุกหนที่ ไปกระทําพิธีแจกเสื้อพระยันต์ราชสีห์ตะกรุดโทนจึงพากันเคารพสักการะศรัทธาในท่านมากที่สุด

เฉพาะกองพลทหารม้ายานเกราะสระบุรี ดูเหมือนจะศรัทธาแก่กล้าในอิทธิบารมีของหลวงพ่อจงมากที่สุด ถัดไปก็น่าจะเป็นในกองทัพอากาศ ซึ่งตั้งแต่นานมาแล้ว เริ่มแต่ปี 2475 สมัยปฏิวัติหนแรกบรรดาแม่ทัพนายกองต่างขึ้นชื่อเป็นศิษย์และเป็นผู้ศรัทธาเคารพขึ้นในหลวงพ่อจง อาทิ ท่านจอมพลฟื้นรนภากาศฤทธาคนี พลอากาศเอกนักรบ บิณฑศรี นาวาอากาศเอกประสงค์ สุชีวะ ฯลฯ

ท่านที่กล่าวนามเหล่านี้ ตลอดจนทหารเหล่าอื่น ต่างได้รับแจกเสื้อพระ ยันต์ราชสีห์และตะกรุดโทน จากหลวงพ่อจงด้วยมือท่านเองเป็นส่วนมาก
ท่านจอมพลฟื้นได้พบกับประสบการณ์ในสมัยศึกอินโดจีน

เมื่อต้องคุมขบวนเครื่องบิ น ร บไ ปทิ้ งร ะ เ บิ ด สะตรึงเต็งและอื่น ๆ อันเป็นฐานทัพ สำคัญของฝรั่งเศสยุคนั้นจ น ไ ฟ ลุ ก ไ ห ม้ แห ล กล า ญ ขณะกําลังจะคิดผละจากความเพลิดเพลินเข่นขยี้ข้าศึกจนไม่มีคู่ต่อสู้ และบรรดาเครื่องบินรบที่อยู่ในการดูแลกองนั้นต่างทยอยกลับฐานทัพดอนเมืองแล้วจนหมดสิ้น

จู่จู่ก็มีเครื่องบินจากฐานทัพใหญ่ของข้าศึกอันเป็นกองหนุนสามเครื่องจิกหัวโฉบเข้าใส่ รุมกันทักทายเครื่อง บิ น ร บ ของจอมพลฟื้นด้วย ก ร ะ สุ น ปื น ก ลป ระจำเครื่องอย่างเกรี้ยวกราด

แต่… ยอดเสืออากาศไม่สะดุ้ง คันบังคับถูกดึงเลี้ยวซ้ายกะทันหันดิ่งหัวหลบวูบลงไปราวห้าร้อยเมตร และครั้นแล้วก็ตั้ง ลำเชิดขึ้นมาใหม่พุ่งเข้าหาเครื่องบินข้าศึกด้านขวามือ ซึ่งเป็นเรือธงบังคับการดุจเหยี่ยวไล่เหยื่อ ก ร ะ สุ น นับร้อยหลายชุดถูกพ่นกรูเกรียวออกไป

แค่นั้นเองเครื่องบินของศั ต รู ผู้ ผ ย อง ก็ม้วนเอียงลำดิ่งพสุธาพร้อมควันดำโขมง
จากนั้นเหยี่ยวฟ้าไทย โผโผนลำขึ้นเบื้องสูงทำทีจะหนีจาก และเครื่องบินของข้าศึกกำลังจะเลี้ยวไล่นั่นเอง

เสืออากาศไทยก็บังคับเครื่องบินพุ่งควับลงมาดุจสายฟ้าก็ปานกัน มีเสียงคํารามติดต่อกันอย่างดุดั น ก ร ะ สุ น ก ล ที่ยิงเหมือนจับวางเป็นร้อย ๆ พรูพรั่งเข้าตัดกลางลำ เครื่องบินของข้ า ศึ ก เป็นรูพรุนตลอดถึงแพนหาง

ปรากฏเป็นควันดำแล้วก็ดิ่งสู่ พ สุ ธาไปอีกลำ
ทันทีทันใดนั้น เครื่องบินลำของข้าศึกถลาหัวฉกจิกลงมาจากเบื้องสูง สาด ก ร ะ สุ น กึกก้องเข้าใส่เครื่องบินของจอมพลฟื้นอย่างเหี้ยมเกรียม แต่เปล่า…เครื่องบินของเสืออากาศไทยไม่ยักมีอันเป็นไปเพราะห่า ก ร ะ สุ น สองสามชุดที่ข้าศึก รั วเ ข้าใส่ จอมพลฟื้นยิ้มอย่าง เหี้ ย ม เ กรี ยม นึกในใจว่าดีละ เดี๋ยวรู้กัน

ทว่า เมื่อสายตามัจจุราชของจอมเสืออากาศไทยเหลือบแลที่เครื่องวัดนํ้ามัน อัตราน้ำมันที่มีอยู่จะไม่พอพาเครื่องบินกลับฐานทัพ ถ้ายังจะบินอยู่อีก
แต่อย่างไรก็ดี ก่อนตีจาก ก็ควรจะมีการอําลากันอย่างไว้ลายเสือจอมพลฟื้นลูบหมับไปที่พระยันต์แดงราชสีห์ พลางดึงตะกรุดมหารูดมงคลชาตรี (โทน) ของหลวงพ่อจง

อาราธนาขอความคุ้มครองแคล้วคลาดตามพิธี ด้วยพลังจิตอันมั่นคงแน่วแน่อบอุ่นใจเต็มที่ จากนั้นก็โยกคันบังคับผงกหัวเข้าใส่นกเหล็กของข้าศึกอย่างปราศจากพรั่นพรึงปืนกลหน้าถูกเร่ง ก ร ะ สุ น กราดออกไปถี่ยิบ พร้อมกับฝ่ายข้าศึกก็ตอบโต้ด้วย ปื น ห ลังแล้ว ทำมุมเลี้ยวขวาแสดงท่าจะปรี่เข้า โ จ ม ตี ใหม่อย่างบ้าบิ่น

แต่ทันทีนั้นเอง ก ร ะ สุ น อีกชุดหนึ่งของเหยี่ยวฟ้าไทย ก็กระทบเข้าที่แพนหางนกเหล็กของข้ า ศึ ก เสียงกราวสนั่นเป็นระยะข้าศึกเปลี่ยนใจเป็นบินหนี ซึ่งเป็นการสมประสงค์ของเสืออากาศไทยยิ่งนัก เพราะหากมีภาวะต้องจำพัวพันกันไป

ไม่ถูก ยิ งห กคะเมนก็ต้องดิ่งนรก เพราะไม่มีฐานทัพจะลงและ ไม่มีน้ำมันสำหรับเครื่องบินจะพากลับ
เหตุการณ์เหล่านี้ ภายหลังต่อมาเมื่อ ศึ ก ส งบ ทหารนักบินข้าศึกชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นนักบินผู้ทําการรบกับเครื่องบินของจอมพลฟื้นได้เล่าให้เพื่อนฝูงทหารไทยหลายคนฟัง

ในโอกาสที่นักบินไทยผู้หนึ่งได้ไปราชการที่ไซ่ง่อน โดยเขาบอกว่าการที่ทัพอากาศของเขาต้องพ่ายเสมือนไร้ฝีมือ เป็นเพราะเหตุสองประการ เครื่องบินฝ่ายเขาหย่อนสมรรถภาพและนักบินมีขวัญย่อหย่อน แต่ในประการสำคัญก็คือ มันคล้ายกับมีอุปาทาน ทำให้ฝ่ายเขามองเห็นเครื่องบินของฝ่ายไทย เป็นสีแดงฉานคล้ายกลุ่มควันแดง ทำให้นักบินพิศวงสงสัยและตกตื่นขวัญเสีย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า