ท่านพระครูวิจิตรวุฒิกร เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ องค์ก่อนได้รับการบอกเล่ามาจากญาติโยมอีกต่อหนึ่งว่า มีอยู่ช่วงระยะหนึ่ง หลวงพ่อเคยขัดใจกับพี่ชายของท่านคือ (ท่านขุนภุมรา) หรือตาทอง เชี่ยวชาญทางด้าน รั ก ษ า โ ร ค ภั ย แผนโบราณมาก
ชาวบ้านย่านละแวกบ้านของแก ใครเป็นอะไรก็จะต้องมาให้แกเยียวยา รั ก ษ า ให้ทุกบ้าน
แต่ว่าตาทองแกชอบดื่ม สุ ร า มากทุกวันไม่ว่างเว้น วันหนึ่ง ค ว า ย ของหลวงพ่อเกิดการขัดใจกับ ค ว า ย ตาทองผู้พี่ จึงข วิ ด กันกลางลานวัดเลยทีเดียว ข วิ ด กันอยู่นานมาก ในที่สุด ค ว า ย ของตาทองเกิดแพ้ ออกวิ่งหนีมี เ ลื อ ด ออกตามบาดแผลมาก ส่วน ค ว า ย ของหลวงพ่อเงินไม่มีบาดแผลเลย
ตาทองจึงโมโห ค ว า ย ของหลวงพ่อเงินมาก ครั้นพอตกเย็น ตาทองก็ดื่ม เ ห ล้ า เมาได้ที่ก็ข้ามฟากไปหาหลวงพ่อ ตะโกนลั่นๆว่า “ท่านเงินเขาว่าท่านนักหรือไง” หลวงพ่อเห็นพี่ชายเมามาก จึงพูดไปเพื่อให้ใจของพี่ชายเย็นๆไว้บ้างว่า “ข้าจะเก่งอย่างไรของข้าเป็นสงฆ์”
ฝ่ายตาทองจึงพูดต่อตามประสาคนขี้เมาอีกว่า “เขาลือว่าท่านเก่ง ยิ่งเรื่อง ยิ ง ฟั น ท่านแน่นักหรือ” หลวงพ่อเงินจึงตอบออกไปว่า “ข้าไม่มีดีอะไรหรอก” จากนั้นด้วยฤทธิ์ สุ ร า เต็มพิกัดของตาทองผู้พี่ จึงข้ามฟากกลับบ้านไปสักครู่ด้วยความเจ็บใจที่ ค ว า ย ตัวเองพ่ายแพ้ แต่ตาทองไม่ยอมแก้จึง แบก ปื น แ ก๊ ป ข้ามฟากมาหาหลวงพ่อใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะทดลองดูว่า หลวงพ่อจะแน่แค่ไหน
ส่วนทางด้านหลวงพ่อก็แน่เหมือนกันว่า “ข้าอยู่นี่ไง โยมพี่เลือก ยิ ง เอาให้เหมาะๆก็แล้วกัน” ฝ่านตาทองไม่รอช้ายก ปื น ขึ้นเล็งไปยังร่างของหลวงพ่อทันที เสียงนก ปื น สับดัง “แชะ แชะ” อยู่สามถึงสี่ครั้ง ปรากฎว่าไม่มีเสียงดังเลยจึงเอา ปื น ลง ปรากฎมีน้ำไหลโกรกออกจากปากกระบอก ปื น ของตาทอง
หลวงพ่อเงินจึงดุสำทับไปว่า “ถ้าไม่ใช่พี่ชายข้าจะตีเข้าให้บ้าง” จากนั้นตาทองจึงก้มหน้าเดินงุดๆกลับบ้านของแก
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นที่โจษจันกันไปทุกตำบล ถึงความเข้มขลังในอาคมของหลวงพ่อต่างก็มาขอเครื่องรางของขลังกันไม่เว้นวันเลยทีเดียว
โดยตาทองผู้นี้ เป็นพี่ชายของหลวงพ่อเงินคนที่สาม แกเป็นนายกองส่วยรัชชูปการ มีความรู้ทางด้านหมอแผนโบราณมากในสมัยนั้น
จากการที่แกได้รับหน้าที่ให้เก็บส่วยน้ำผึ้ง จึงได้บรรดาศักดิ์เป็น “ท่านขุนภุมรา” จากเหตุการณ์ที่แกใช้อาวุธ ปื น ข้ามน้ำไป ยิ ง หลวงพ่อได้ ทั้งๆที่หลวงพ่อท่านเป็นน้องชาย อีกทั้งยังครองผ้าเหลืองเป็นพระสงฆ์อยู่ทั้งองค์ยังกล้าทําได้ลงคอขนาดนั้น ทำให้หลวงพ่อท่านไม่อยากจะ ไปอาลัยใยดีอะไรด้วย
ต่อมา เมื่อตาทองได้ สิ้ น ชี วิ ต ลง หลวงพ่อเงินท่านก็ไม่ยอมไปในงานศพเลย ในฐานะเป็นพี่ชายของท่าน จึงให้ลูกศิษย์คนหนึ่งนําผ้าไตรไปช่วยในงาน ศ พ นั้นด้วย ส่วนท่านนั้นเด็ดเดียวขนาดไม่ยอมไป เ ผ า ผี กันเลย
ช่างภาพถ่ายภาพหลวงพ่อไม่ติด โดยมีผู้ประสงค์อยากจะได้ภาพถ่ายของหลวงพ่อเงินเพื่อไว้สักการะบูชา จะได้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว มาจากกรุงเทพฯ แต่เป็นชาวอินเดียไปขอถ่ายภาพ จากหลวงพ่อแต่การที่ทำการถ่ายครั้งแรกนั้น ภาพไม่ติด เพราะกระจกแตก ช่างภาพนึกเอะใจในสิ่งอัศจรรย์
เมื่อแก้ไขได้ที่แล้วก็ขอหลวงพ่อถ่ายใหม่อีกครั้ง การถ่ายครั้งนี้ปรากฎว่าภาพของหลวงพ่อติดเพียงซีกเดียว เท่านั้นช่วงภาพพยายามจะถ่ายให้ได้อีก แต่ก็มืดเสียก่อน จึงต้องนอนค้างที่วัดวังตะโกนั้นเสียหนึ่งคืน
จนรุ่งเช้า หลวงพ่อจึงได้ให้ช่างถ่ายภาพถ่ายใหม่อีก เป็นครั้งที่สาม รูปของหลวงพ่อจึงได้ติดชัดได้ในครั้งนี้ สร้างความอัศจรรย์ให้ช่างภาพชาวอินเดียเป็นยิ่งนัก