อิทธิปาฏิหาริย์ของ ‘กรมหลวงชุมพรฯ’

ม.ร.ว.อภิเดช อาภากร กับ…อิทธิปาฏิหาริย์ของ ‘กรมหลวงชุมพรฯ’

หลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพรฯ เป็น พระอาจารย์กับลูกศิษย์ ที่มีผู้คนเล่าขานมานานกว่า ๓ ชั่วคน หรือร่วม ๑๐๐ ปีมาแล้ว ประวัติของหลวงปู่ศุขมีน้อย และรายละเอียดเกี่ยวกับพระเครื่องรางของขลังที่ท่านสร้างไว้ ก็เป็นเรื่องที่สับสน เพราะขาดหลักฐานชัดเจน

ในส่วนของความ นี่คือ ความตั้งใจในการทำหนังสือ “หลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพรฯ” ของ ม.ร.ว.อภิเดช อาภากร ซึ่งมีศักดิ์เป็น หลานของ นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยร่วมกับ นายสุรเดช ลิ้มพานิช หรือ “หมึก ท่าพระจันทร์”
ม.ร.ว.อภิเดช

บอกว่า หนังสือ “หลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพรฯ” เป็นการรวบรวมประวัติของหลวงปู่ศุขและกรมหลวงชุมพรฯ ทั้งประวัติที่เป็นข้อมูล รูปภาพ และพระเครื่องไว้สมบูรณ์มากที่สุด โดยไม่ได้ใส่เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ใดๆ รวมเข้าไป
แต่อิทธิปาฏิหาริย์ของเหรียญกรมหลวงชุมพรฯ ก็แสดงให้แก่ผู้ที่ได้รับแจกไปตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖

โดยเฉพาะทหารที่ได้รับแจกเหรียญ แคล้วคลาดจากเรื่องต่างๆ มากมาย ในวันที่พระองค์สิ้นพระชนม์ มีชาวบ้านบริเวณหาดทรายรี จ.ชุมพร เห็นดวงไฟขนาดใหญ่ลอยลงในทะเลบริเวณหาดทรายรี จ.ชุมพร ซึ่งที่เป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพร ฯ
ส่วนเรื่องการบนบานศาลกล่าว ขอพรจากกรมหลวงชุมพรฯ เป็นเรื่องของความศรัทธาส่วนบุคคล ถ้าเป็นนักเรียนชาย ชั้นมัธยมปลาย ก็จะขอให้สอบเข้าโรงเรียนทหารเรือได้

ในขณะที่ทหารเรือก็จะขอให้ยศตำแหน่งเลื่อนสูงขึ้น ด้วยเหตุที่พระองค์ท่านเป็น “พระบิดาแห่งกองทัพเรือ”
นอกจากนี้แล้ว มีคนจำนวนไม่น้อย ไปบนบานศาลกล่าวให้หายจากอาการป่วย จากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เพราะช่วงหนึ่งที่พระองค์ท่านมีชีวิตอยู่ ทรงรักษาทั้งวิธีโบราณและสมัยใหม่ มีการตรวจเลือด มีกล้องตรวจโรค

ทรงวางพระองค์เป็นหมอชาวบ้านธรรมดา ไม่ประสงค์ให้ใครเรียกพระองค์ว่าเสด็จในกรมฯ แต่โปรดให้เรียกว่า “หมอพร” จนกิตติศัพท์การรักษาของพระองค์ลือลั่นไปทั่วบางกอกว่า หมอพรรักษาโรคฉมังนัก โรคที่ใครรักษาไม่ได้ หมอพรก็ยังชุบชีวิตขึ้นมาได้อย่างกับหมอเทวดา
“การที่คนทั่วไปเรียกกรมหลวงชุมพรฯ ว่าเสด็จเตี่ยนั้น เป็นความประสงค์ของพระองค์ท่านที่มักจะเรียกแทนพระนามว่าเตี่ย เพราะเป็นคำที่เรียกแล้วใกล้ชิดกับชาวบ้านดี

ในช่วงที่ท่านออกรักษาโรคชาวบ้านก็จะเรียกแทนพระนามว่า หมอพร ทั้งนี้ผมไม่คุ้นเคยเชื่อเลยว่า ร่างทรงที่อ้างว่า วิ ญ ญ า ณ ของเสด็จเตี่ยมาเข้าร่างนั้น เป็นของจริงเลยสักรายเดียว เป็นเรื่องของการหากินบนความศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อเสด็จเตี่ยมากกว่า เพียงแค่ร่างทรงตอบคำถามเพียง ๒ ประโยค เกี่ยวการเรื่องดนตรีและการเล่นไพ่ ก็จับโกหกว่า เป็นการแอบอ้าง

ซึ่งที่อนุสาวรีย์ใหญ่จะเขียนประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามเข้าทรง” นี่คือ คำยืนยันของ ม.ร.ว.อภิเดช
เมื่อถามถึงพระเครื่องที่นิมนต์ขึ้นคอเป็นประจำ ม.ร.ว.อภิเดช บอกว่า มีอยู่หลายองค์ แต่องค์หนึ่งที่รักและหวงแหนมากที่สุด คือ เหรียญเสมาทองคำ รัชกาลที่ ๕ เสด็จกลับจากยุโรป ร.ศ.๑๒๖

โดยได้รับมอบจากมือของผู้ใหญ่ในราชสกุล “อาภากร” ท่านหนึ่ง แม้ว่าท่านจะรักและหวงแหนมาก แต่ไม่ทราบว่ามีอะไรไปดลใจท่าน เมื่อเอ่ยปากขอท่านก็มอบให้ทันที นอกจากนี้ยังมีพระหลวงปู่ศุข หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ส่วนเหรียญกรมหลวงชุมพรฯ นั้น เชื่อหรือไม่ว่า พยายามหาเหรียญข้าวหลามตัด เนื้อทองคำ มานาน แต่ยังหาไม่ได้เลย

ทั้งนี้จะแขวนเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์ของพุทธคุณนั้น เป็นผลตามมา
สําหรับการจัดทําหนังสือเล่มหลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพรฯ ม.ร.ว.อภิเดช บอกว่า เป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนา เชิดชูเกียรติประวัติและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ศุข กับ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ให้เกิดความรู้ความเข้าใจอันถูกต้อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสในพระเครื่องรางของขลัง ที่หลวงปู่ศุขได้ปลุกเสกไว้ ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ พระเครื่องรางของขลังที่แท้จริงของท่านไว้สักการบูชาตลอดไป

ยันต์ของเสด็จเตี่ย
“ยันต์ทระหด” เป็นลายพระหัตถ์ของเสด็จเตี่ยที่เขียนพระคาถาประทานให้โอรส (ท่านน่วม) หม่อมครรชิตพล อาภากร โดยคาถาบทนี้เป็นคาถาที่ปรากฏอยู่ในตําราของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

ม.ร.ว.อภิเดช บอกว่า ประวัติการศึกษาไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ของสมเด็จในกรมหลวงชุมพรฯ นั้น พระองค์สนพระทัยและศึกษาวิชาคาถาอาคมไสยศาสตร์ ทรงเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก (ธนบุรี) นอกจากนี้แล้วหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี ยังได้เขียนประวัติหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวว่า สมเด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เคยไปหาหลวงปู่ยิ้ม ๒ ครั้ง

ในขณะที่ หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่บุญยัง วัดหนองน้อย ลูกศิษย์เอกของหลวงปู่ศุข ได้เล่าไว้ว่า หลวงปู่ศุขท่านสำเร็จวิชาในพุทธคุณ ๔ คัมภีร์ ด้วยกัน คือ ๑.คัมภีร์พุทธคุณในวิชา “อิ” ๒.คัมภีร์พุทธคุณในวิชา “ติ” ๓.คัมภีร์พุทธคุณในวิชา “ปิ” และ ๔.คัมภีร์พุทธคุณในวิชา “โส”

สมเด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ศุขนั้น ท่านสำเร็จวิชา คัมภีร์พุทธคุณในวิชา “อิ” และวิชา “ติ” ๒ วิชาอย่างชัดเจนครบถ้วน
“ผมไม่เคยเชื่อเลยว่า ร่างทรงที่อ้างว่าวิญญาณของเสด็จเตี่ยมาเข้าร่างนั้น เป็นของจริงเลยสักรายเดียว เป็นเรื่องของการหากินบนความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อเสด็จเตี่ยมากกว่า”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า