หลวงปู่บุดดาได้เมตตาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านบรรลุธรรมว่า “คืนวันหนึ่ง ขณะที่ท่านนั่งสนทนาธรรมกับ หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร สองต่อสองตามปกติ อย่างออกรสออกชาติ จู่ๆ ท่านก็เงียบเสียงไปเฉยๆ และนั่งลืมตาค้างอยู่ หลวงปู่สงฆ์ก็แปลกใจที่ทำไม ? ท่านจึงเงียบไปเฉย ๆ เช่นนั้น ก็ถามหลวงปู่ว่า
“เอ๊ะ ! เป็นอะไรไป ?” หลวงปู่บุดดาท่านก็นิ่งเฉยไม่ตอบ นัยน์ตาเบิกโพลงอยู่อย่างนั้น
หลวงปู่บุดดาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า ท่านรู้สึกสว่างแจ้งขึ้นมาเอง รู้สึกว่าไม่มีตัวตน เห็นชัดทุกอย่างรอบตัวว่า เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา เห็นปรมัตถธรรม ทุกอย่างมันเป็นธรรมหมด ไม่ใช่ของใคร พระพุทธเจ้าก็ไม่ถือเอาเป็นเจ้าของ พระอรหันต์ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ
สัพพัญญพุทธะ ปัจเจกพุทธะ สาวกพุทธะ ไม่มีตัวมีตน ธรรมต่างหากที่ทรงไว้ คงอยู่ในจิตของตนเอง ที่พูดกันแต่เรื่องปริยัติ ปฏิบัติ ไม่มีใครชนะใครหรอก มันติดในสมมุติบัญญัติกันต่างหากล่ะ
โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้ คือ เกื้อกูลแก่การตรัสรู้ธรรม ที่เกื้อหนุน อริยมรรค ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ และมรรคมีองค์ ๘
ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้หลุดรอดได้ พ้นจากสมมุติบัญญัติหลวงปู่บุดดาบอกว่า “ท่านมีความรู้ความเข้าใจในธรรมทั้งหมดนี้ขึ้นมาเอง” ในขณะนั้น
หลวงปู่บุดดาได้อธิบายให้หลวงปู่สงฆ์ฟังต่ออย่างคล่องแคล่วว่า “อายตนะภายนอกกับภายในมันรวมกันได้ มันมีจิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้นเอง มีเพียงสมมุติบัญญัติเท่านั้นเอง ไม่มีเจ้าของ ผมขน เล็บ ฟัน หนัง ก็สมมุติบัญญัติขึ้นมา พูดกันไม่รู้เรื่อง แต่พิจารณาดูได้ อ่านได้ เข้าใจได้ จนรู้ความเป็นจริง ความเป็นไปของสังขาร รู้ความเป็นจริงของโลก ก็หมดกัน ไม่มีปัจจัยอะไรส่งให้สัตว์ต้องมาเกิดอีก”
หลวงปู่สงฆ์ฟังตามไม่ค่อยทัน เพราะต้องทำความเข้าใจตามไปด้วย และท่านก็ไม่เข้าใจว่าหลวงปู่บุดดาบรรลุธรรมอะไร ? เพราะเป็นโลกุตตรธรรมที่หลั่งไหลออกมาจากใจของหลวงปู่บุดดาในขณะนั้น หลวงปู่สงฆ์ก็ได้แต่เก็บเอาไปคิดพิจารณาตามเท่านั้น
หลังจากนั้น ๓ วัน หลวงปู่สงฆ์ได้มาบอกหลวงปู่บุดดาว่า “ไม่มีคนไป น ร ก ไม่มีคนไป ส ว ร ร ค์ เน้อ ! “
หลวงปู่บุดดาจึงเสริมว่า “โอ้ย ! มันจะมี น ร ก มี ส ว ร ร ค์อย่างไร นั่นมัน กิ เ ล ส ต่างหากเล่า กิ เ ล สหมด มันก็หมด น ร ก หมด ส ว ร ร ค์ ซิ”
หลวงปู่สงฆ์บอกความรู้สึกของท่านกับหลวงปู่บุดดาในขณะนั้นว่า “เอ๊ะ ! ทำไม ? ไม่มีคนไปนรก ไม่มีคนไปสวรรค์ล่ะ ทำไม ? ไม่มีคนล่ะ !”
หลวงปู่บุดดาก็อุทานตอบไปว่า “โอ๊ย ! มันไม่มีมาตั้งแต่ไหน แต่ไรแล้ว ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ตั้งแต่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนามาแล้ว น ร ก. .. สั ต ว์ สร้างเอาเอง ส ว ร ร ค์ …สั ต ว์ ก็สร้างเอาเอง ถ้าไม่มี สั ต ว์ สร้าง ส ว ร ร ค์ น ร ก จะเกิดได้อย่างไร”
หลวงปู่สงฆ์ท่านบอกว่า “ท่านไม่ถือรูปถือนาม ไม่ถือธาตุถือขันธ์อะไรแล้ว ถ้าหลงรูป หลงนามอยู่ มันก็หลงเกิด หลง ต า ย อีกซิ”
หลวงปู่สงฆ์จึงบรรลุพระสัจธรรม ณ ถ้ำภูคา อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในพรรษาที่ ๕ อายุ ๔๒ ปี ณ สถานที่แห่งเดียวกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร บรรลุพระสัจธรม ในพรรษาที่ ๔ อายุ ๓๒ ปี