หลวงพ่อเนียม วัดน้อย สุพรรณบุรี ตำนานเล่ากันว่าท่านมีอภิญญาสามารถมองเห็นเหตุการณ์ข้างหน้าได้ดั่งตาทิพย์ ครั้งหนึ่งมีภิกษุจากวัดสุวรรณภูมิ ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จำนวน ๔ รูปไปหาหลวงพ่อที่วัดน้อยเพื่อขอฤกษ์ลาสิกขาบท
ขณะนั้นหลวงพ่อเนียมกําลังคุมลูกศิษย์วัดทําความสะอาดบริเวณวัดอยู่พอเห็นหน้าภิกษุทั้งสี่หลวงพอร้องทักขึ้นก่อนว่า จะมาขอฤกษ์ลาสิกขาบทใช่ไหมล่ะ ภิกษุทั้งสี่ตอบว่าใช่ ท่านให้ฤกษ์ไปสามรูป อีกรูปหนึ่งท่าน?ํฏท้วงอย่าเพิ่งเลย ช ะ ต ษกำลังไม่ใคร่ดี แล้วท่านก็ไม่ให้ฤกษ์ แต่ภิกษุนั้นหายอมฟังคําทักท้วงของหลวงพ่อเนียมไม่ทนไม่ไหว จีวรร้อนเป็นไ ฟ เพื่อนพระสึกไปหมดแล้วตนเองก็จะรู้สึกว้าเหว่ ตัดสินใจลาสิกขาบทโดยไม่ฟังคําทักท้วงของหลวงพ่อเนียม
เมื่อออกจากวัดกลับมาหาบิดามารดาที่บ้าน คํ่าวันนั้นเองขณะที่กําลังนั่งสนทนากันอยู่บนบ้านปรากฎว่ามีคนเอา ปื u ยิ ง เข้าไปในกลุ่มสนทนา ก ระสุนถูกหัวทิดสึกใหม่สิ้นใจ
วันหนึ่งหลวงพ่อเนียมเอ่ยปากขอสํารับเพลจากชาวบ้านแถบนั้นจํานวน ๕๐ สำรับโดยไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรที่ไหน เพียงแต่ท่านพูดแล้วอมยิ้มน้อยๆ ว่าถึงคราวแล้วรู้เองครั้นใกล้จะถึงเวลาเพลสํารับที่ขอชาวบ้านไว้ก็ค่อยๆ ทะยอยมาสู่วัดครบตามจํานวนที่ขอไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่ชาวบ้านมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติ ใครจะมาจากไหนหรือไม่เห็นมีวี่แวว
แต่พอกลองเพลงดังลั่นขึ้นเท่านั้น ท่านอาจารย์วัดวัดบางเ หี้ ย ซึ่งขณะนั้นก็เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่เหมือนกัน พาภิกษุมารวม ๕๐ รูป เดินทางมานมัสการหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ พอเดินทางมาถึงหน้าวัดน้อย ปรากฏว่าเกิดพายุขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน เป็นที่ผิดปกติท่าน อาจารย์วัด บางเ หี้ ย จึง พูดกับพระที่มาด้วยกันแล้ว “เอ เห็นจะต้องแวะที่วัดนี้เสียแล้วเจ้าของท้องที่เขาเชิญไห้แวะ ไม่ควรขัดศรัทธา”
จึงสั่งให้เรือจอดที่เท่าวัดน้อยแล้วพาภิกษุทั้งหมดขึ้นไปบนวัด ก็ได้รับการต้อนรับจากหลวงพ่อเนียมด้วยการถวายเพลแก่อาจารย์บาง เ หี้ ย และภิกษุทุกรูป ในงานทำบุญคล้ายวันเกิดของท่าน ชาวบ้านจัดงานใหญ่โต มีแสดงพระธรรมเทศนาแจง ๕๐๐ พร้อมด้วยม ห ร ส พ สมโภชหลายอย่างร้านค้าขายตั้งเต็มลายวัด
คาดว่างานแ ซ ยิ ดของท่านคงจัดขึ้นในราว พ.ศ. ๒๔๔๕ เพราะผู้เล่าเรื่องนี้คือ ลุงเปล่ง สุพรรณโรจน์ เล่าขณะที่ลุงเปล่ามีอายุ ๘๔ ปี บอกว่าปีนั้นลุงเปล่งมีอายุเพียง ๑๘ ขวบ ดังนั้น พ.ศ. ทำบุญงานแ ซ ยิ ดของท่านประมาณ พ.ศ.๒๔๔๕
ค่ำวันนั้น ปรากฏว่าเมฆดำ ท มึ น มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ฝนตั้งเค้า พายุพัดตึงบอกลักษณะว่าฝนจะตกลงมาอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นฝนยังได้ลงเม็ดมาปรอยๆ บ้างแล้ว ร้านค้าขายต่างกุลีกุจอเก็บข้าวของเตรียมหนีฝน กันจ้าละหวั่น วุ่ น ว า ยไปทั่วทั้งลานวัด คนที่มาเที่ยวต่างก็หลบฝนเข้าไปในใต้ถุนกุฏิ และที่หอฉันเต็มไปหมด
ในขณะที่กําลังอลหม่านกันนั้นเองหลวงพ่อเนียมเดินลงมาจากุฏิร้องบอกว่า “ไม่ต้องเก็บไม่ต้องเลิก ม ห ร ส พ เล่นต่อไป ของขายต่อไป ที่นี่ไม่มีฝน ฝนไม่ตกที่นี่” แล้วท่านเดินไปหยุดที่หน้ากุฏิของท่าน มองขึ้นไปเบื้องบนท้องฟ้า แล้วเดินไปเดินมา จริงเหมือนดังคำประ ก า ศิ ต ฝนตั้งเค้าและท่าจะตกลงมาอย่างหนักนั้นหาได้ตกลงมาภายใน บริเวณวัดไม่มีเพียงละอองฝนปรอยๆ เท่านั้น แต่เมื่อมองออกไปนอกวัดจะเห็นฝนตกลงมาอย่าง รุ น แ ร ง
ทั้งตกอยู่นานอักโขอยู่ พองานเลิกทุกคนต้องเดินลุยน้ำขนาดครึ่งหน้าแข้ง
การถ่ายรูปหลวงพ่อเนียมเล่ากันว่าถ่ายไม่ติด ครั้งหนึ่งมีช่างแผนที่มาทําการออกโฉนดที่ดินที่จังหวัดสุพรรณบุรี พระประมาณฯ เป็นหัวหน้าพร้อมด้วยฝรั่งสองคนเป็นผู้ช่วย ทราบเสียงเล่าลือว่าการถ่ายรูป หลวงพ่อเนียมนั้นถ่ายไม่ติด
พระประมาณฯ กับฝรั่งนั้นต้องการพิสูจน์ความจริงตามเสียงที่เล่าลือกันจะเป็นความจริงเพียงใด จึงไปที่วัดน้อยแล้วนิมนต์พระทั้งวัดมานั่งถ่ายรูปพร้อมด้วยหลวงพ่อเนียม เมื่อเอาฟิล์มไปล้างปรากฏว่าไม่มีรูปหลวงพ่อเนียมอยู่ในกลุ่มนั้นจริงๆ พระประมาณฯ กลับมาทดลองถ่ายอีกโดยขอให้หลวงพ่อเนียมเดินไปที่โอ่งนํ้ามนต์ ถ่ายขณะที่หลวงพ่อกําลังเดินไปและขณะอยู่ที่โอ่งกําลังทํานํ้ามนต์ ก็ไม่ติดอีก
เป็นที่น่าอั ศ จ ร ร ย์ยิ่งนัก
น้ำมนต์ของท่านไม่เฉพาะแต่น้ำมนต์ในโอ่งเท่านั้น ที่ท่าวัดของท่านก็เป็นน้ำมนต์เช่นเดียวกัน ครั้งหนึ่งมีจีนคนหนึ่งชื่อ “โต้ผ่วย” อยู่แถววัดโพธิ์คอย ซึ่งไม่ไกลจากวัดน้อยเท่าใดนัก มาขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อเนียม ท่านบอกเจ๊กโต้ผ่วยให้ไปตักเอาเองซิ อยู่ที่ท่าน้ำนั่นไงเล่า
เจ๊กโต้ผ่วยไปตักนํ้ามาแล้วเอามาให้ท่านหลวงพ่อบอกให้จุดธูป พอจุดเสร็จท่านบอกกับเจ๊กโต้ผ่วยว่าเสร็จแล้ว เจ๊กโต้ผ่วยมองหน้าหลวงพ่อเนียมเป็นเชิงสงสัย และนึกฉุนตะหงิดๆ ขึ้นมาในใจ อะไรกัน ไม่เห็นหลวงพ่อท่านบริกรรมคาถาเลยแม้แต่คำเดียว จะเป็นน้ำมนต์ได้อย่างไร แต่จะไม่เอาไปก็ไม่ใช้ที่ จึงเอาไปอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อออกไปนอกวัด เจ๊กโต้ผ่วยรำพึงขึ้นอย่าง แ ค้ น ใจ “เอาไปทั ง ล าย ล้ำท่าเท้ๆ” ว่าแล้วก็คว่ำขวดโหลใบที่ใส่น้ำมนต์มา แปลกอะไรเช่นนั้น! น้ำมนต์ในขวดโหลหาได้ไหลออกมาไม่! บังเอิญพลัดหลุดมือแตกเป็นเสียงๆนํ้ามนต์ในขวดโหลแทนที่จะเป็นนํ้าเหลว กลับกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง!!
เจ๊กโต้ผ่วยตกใจรีบต า ลี ต า เ ห ลื อ ก เก็บก้อนนํ้าแข็งนั้นใส่ภาชนะอื่นทันที นึกแปลกในใจว่าทำไมน้ำนั้นจึงแข็งได้ พอนึกถึงอ ภิ นิ ห า ร ย์ ของหลวงพ่อเนียมเข้า ก็ยกภาชนะนั้นขึ้นทูนหัวพร้อมกับกล่าวขออภัยในใจ ที่ ห มิ่ น ห ล ว งพ่อและเอาก้อนนํ้าแข็งนํ้ามนต์นั้นไปเก็บไวจนละลาย