อุทกภัย ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากภาวะของฝน เมื่อมากเกินก็ล้นและท่วม ซึ่ง หากสกัดต้นเหตุนี้ได้ให้อยู่ในความเหมาะสม สิ่งที่เลวร้ายทั้งหลายจะมลายไปโดยปริยาย……วิกฤติก็จะกลายเป็นโอกาส
ในทาง วิทยาศาสตร์มีวิธีในการทำให้เกิดฝน แต่ในทาง ไสยก็มีพลังในการบังคับมิให้ฝนตกได้เช่นกัน
ด้วยความเชื่อ จึงมีข่าวลือสะพัดกันว่ามี พระพุทธรูปองค์หนึ่งซึ่งสามารถดลบันดาลให้ฝนหยุดตกได้อย่างฉมัง กระแสนี้ได้สะพัดมาถึง “เหนือฟ้า ใต้บาดาล” เลยติดตามข้อมูลกระทั่งรู้ว่า ประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าเกวียน เลขที่ 138 ซอยวัดท่าเกวียน ถนนสาย 345 ตำบลคลองข่อย อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี จึงได้มุ่งไปยังพิกัดเพื่อสัมผัสต้นตอ
ศาสนสถานแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ ได้รับวิสุงคสีมาเมื่อปี 2443 และพระราชทานนามว่า “วัดธรรมาราม” แต่ชาวบ้านก็เรียกชื่อเดิม เนื่องจาก ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองพระอุดม (คลองสาขาแม่น้ำเจ้าพระยา) เป็นแหล่งถ่ายเทแลกเปลี่ยนสินค้าของชาวบ้าน และ เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างทางน้ำกับทางบก โดยใช้เกวียนเป็นพาหนะ จึงเรียกว่า ท่าเกวียน ติดปากกันมาเป็นศตวรรษ
เหนือฟ้าฯ ไปถึง ณ วัดท่าเกวียน จึงได้ถามชาวบ้านใกล้เคียงเกี่ยวกับความเชื่อในพลัง ก็ได้รับคำตอบว่า
“ ฝนไม่ได้ตกที่นี่ น้ำมันไหลมาจากที่อื่น อย่างนี้ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน ก็ช่วยไม่ได้ ”
แล้วพระครูใบฎีกาเตือน สัญญจิตโต เจ้าอาวาสก็ให้ไปคุยกับ หลวงพี่อำนาจ ปิยธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เนื่องจาก เป็นคนในพื้นที่ จะได้ให้ข้อมูลอย่างถ้วนถี่ ซึ่งได้อารัมภบทว่า
คลองพระอุดม เป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญในอดีต หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ใช้เป็นประจำ มักจะแวะพักฉันเพลที่นี่ ชาวบ้านซึ่งรู้จักมักคุ้นกับอริยสงฆ์ท่านนี้เป็นอย่างดี และจะได้บอกว่า ต่อไปที่ตรงนี้จะกลายเป็นวัด ให้ร่วมศรัทธากัน สร้างที่พักสงฆ์ไว้
ชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างที่พักอย่างง่ายๆ เป็นเพิงหลังคามุงจาก ไม่นานก็มีภิกษุธุดงค์มาพัก สับเปลี่ยนหน้ากันมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมาจำวัด กลายเป็นสำนัก สงฆ์ และพัฒนาเป็นวัด
สำหรับพระพุทธรูปที่ลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นั้น ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อองค์ดำ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ
หลวงพ่อองค์ดำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 40 นิ้ว ลักษณะศิลปะเชียงแสนตอนปลาย ชาวบ้านเลื่อมใสว่ามีพลังต้านฝน หากจะมีการจัดงาน ในหมู่บ้าน ยามใดที่มีสถานการณ์ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ก็มักจะไปจุดธูปบนบานอย่าให้ตก แล้วก็จะไม่ตกจริงๆ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง จึงได้รับศรัทธาว่าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าเกวียนบอกอย่างนั้น
แล้วก็ต่อว่า กับความเป็นมาของหลวงพ่อองค์ดํานั้นอาตมายังไม่เกิด เพียงแต่ได้รับการบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่สืบต่อกันมา ก็สันนิษฐานว่าคงเป็นพระพุทธรูปจากทางล้านนา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดฯให้นําลงมาเมืองหลวงเพื่อประดิษฐานในวัดที่เหมาะสม โดยมาพักไว้ที่ วัดราชบูรณะ หรือวัดเลียบสะพานพุทธฯ
ช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 ย่านสะพานพุทธฯโดนระเบิดราบเป็นหน้ากลอง รวมถึงวัดเลียบฯด้วย จึงสำแดง ปาฏิหาริย์ มีหลวงพ่อองค์ดําไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดตั้งเด่นโด่อยู่องค์เดียว….เหตุการณ์นี้เป็นที่เลื่องลือมากในยามนั้น
หลังสงครามสงบ อาจารย์ทองดี เกจิอาจารย์แต่เป็นพระลูกวัดท่าเกวียน นิมิตเห็นหลวงพ่อองค์ดำว่าอยากมาอยู่ที่วัดท่าเกวียน จึงพาชาวบ้านไปอัญเชิญมา ซึ่งได้ทำพิธีกรรมบวงสรวงอย่างถูกต้องตามประเพณี และนำลงเรือพายทวนน้ำจนถึงเกาะเกร็ด พอเข้าคลองพระอุดมถึงวัดสะพานสูงเรือไม่ยอมผ่าน แม้ว่าจะเพิ่มฝีพาย จึงได้บวงสรวงอีกครั้งแล้วยกข้ามสะพาน จึง ผ่านถึงวัดท่าเกวียนโดยสะดวก
ช่วงแรกๆ พระพุทธรูปองค์นี้มีสีดำสนิทและ ดวงตาขาวเป็นที่น่าเกรงขามมาก เด็กไม่กล้าเข้าไปกราบไหว้ ด้วยกลัวในลักษณะ หลวงปู่หลุยจึงได้ให้ช่างลงรักปิดทองอร่ามทั้งองค์ แต่องค์พระก็ยังมีลักษณะของ สีดำผุดขึ้นมาบนผิวให้เป็นเอกลักษณ์ อยู่
ชาวบ้านได้ให้ความศรัทธาเลื่อมใสว่ามีเมตตาบารมี ใครมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ มีทุกข์โศกโรคภัย โดยเฉพาะเรื่องของหายได้คืน หรือธุรกิจการเงินการงานที่ว่าติดๆขัดๆ ถือว่าฉมังมาก จุดธูปบนบาน สามารถผ่อนเบาลงได้ สิ่งที่ว่ายากๆ ผ่านได้อย่างฉลุย
แล้ว หลวงพี่อำนาจ ก็กระซิบว่า มีอันหนึ่งที่ถือว่า ศักดิ์สิทธิ์และขลังมากคือ ไล่ทหารผ่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ พระหลายรูปที่นี่ขอหลวงพ่อองค์ดำ ขนาด ดี 1 ประเภท 1 แล้วยังรอด รวมถึงหลวงพี่ด้วย
และ วิธีแก้ก็ง่ายๆเพียงแค่ ไข่เค็ม ดอกบัวกับบายศรี หากจะแถมด้วย หัวหมูก็สบายปากลูกศิษย์วัด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสทิ้งท้าย อย่างอารมณ์ดี…